จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ฮอร์ครักซ์

 ฮอร์ครักซ์

ฮอร์ครักซ์ (อังกฤษ: Horcrux) เป็นหนึ่งในวัตถุเวทมนตร์ในวรรณกรรมเยาวชนชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ โดย เจ. เค. โรวลิ่ง หนึ่งในวัตถุศาสตร์มืดที่ถูก สร้างมาเพื่อรักษาความเป็นอมตะของเจ้าของไว้[1] แนวคิดของฮอร์ครักซ์ได้ปรากฎครั้งแรกในตอน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม และการแสวงหาและทำลายฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์ก็เป็นประเด็นหลักของเนื้อ เรื่องในสองเล่มสุดท้ายของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้แก่ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม และแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต
การสร้าง
ผู้ที่จะสร้างฮอร์ครักซ์ขึ้นมาหนึ่งชิ้นนั้น จำต้องแลกมาด้วยวิญญาณบางส่วนของตนเอง หรือูอื่นๆเพื่อเป็นภาชนะในการการสร้างโดยการทำลายล้างชีวิตของใครคนใดคน หนึ่ง ซึ่ง "การทำความชั่วอย่างร้ายกาจ จะฉีกวิญญาณออกเป็นส่วน ๆ" หลังจากทำฆาตกรรมแล้ว วิญญาณส่วนที่หลุดออกมาก็จะถูกห่อหุ้มด้วยเวทมนตร์แล้วกักเก็บเอาไว้ในวัตถุ ใดวัตถุหนึ่ง ซึ่งจะกลายเป็นฮอร์ครักซ์

ที่อยู่อาศัยของชิ้นส่วนวิญญาณนั้น สามารถสร้างขึ้นได้ในทุกสถานะ ไม่ว่าจะเป็น สิ่งที่มีชีวิต หรือไม่มีชีวิตก็ได้ ทั้งนี้ที่อยู่ของวิญญาณนี้ จะถูกเรียกในชื่อ "ฮอร์ครักซ์" ทั้งสิ้น แต่พ่อมดไม่นิยมที่จะเลือกสิ่งมีชีวิตมาสร้างเป็นฮอร์ครักซ์ เนื่องจากว่ามันเป็นวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ และสามารถคิดด้วยตนเองได้ จำนวนฮอร์ครักซ์ที่พ่อมดคนหนึ่งสามารถสร้างได้นั้นไม่มีจำนวนจำกัด แต่จากการแบ่งวิญญาณออกเป็นส่วนที่เล็กลงเรื่อย ๆ ผู้ใช้ก็จะสูญเสียความเป็นมนุษย์ตามธรรมชาติ และวิญญาณก็จะไม่มีความเสถียรอย่างยิ่ง

ภายใต้เงื่อนไขที่มีความพิเศษอย่างมาก ส่วนหนึ่งของวิญญาณอาจสามารถถูกกักเก็บเอาไว้ในวัตถุ โดยนอกเหนือจากเจตนาหรือความรู้ของผู้สร้าง ขณะที่วัตถุนั้นจะส่งผลให้ผู้สร้างเป็นอมตะเช่นเดียวกับฮอร์ครักซ์ทั่วไป เพียงแต่ว่าวัตถุนั้นจะไม่ถูกเรียกว่า "วัตถุมืด"[2] ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อโวลเดอมอร์สังหารแฮร์รี่ไม่สำเร็จจาก การใช้คำสาปพิฆาต ร่างของโวลเดอมอร์ถูกทำลายหลังจากนั้น และบางส่วนของวิญญาณก็ถูกฝังอยู่ในร่างของแฮร์รี่

การทำลาย
ฮอร์ครักซ์ถือว่าเป็นวัตถุที่ถูกทำลายได้ยากเป็นอย่างยิ่ง พวกมันไม่สามารถถูกทำลายได้โดยวิธีการทั่วไป อย่างเช่น การทุบ การทำแตก หรือการเผา ในการทำลายฮอร์ครักซ์ มันจะต้องได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนกระทั่งไม่สามารถซ่อมแซมด้วย เวทมนตร์ได้อีก และส่วนของวิญญาณที่ถูกกักเก็บไว้ก็จะถูกทำลายตามไปด้วย

นอกจากนั้น ฮอร์ครักซ์ยังสามารถมีผลลบล้างทางเวทมนตร์ได้ เมื่อผู้สร้างรู้สึกสำนึกผิดต่อการก่อฆาตกรรมของตนที่สร้างฮอร์ครักซ์ขึ้นมา แต่กระบวนการดังกล่าวก็อาจสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้สร้างจนอาจเสียชีวิตได้ ทีเดียว

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมักมีผลในทางตรงกันข้ามยิ่งทำลายมากเท่าไร วิญญาณของผู้ที่ทำมักจะมีผลกระทบมากกว่าผู้ทำลาย

สิ่งที่ทำลายฮอร์ครักซ์ได้คือ เพลิงปีศาจ พิษบาซิลิสก์ ในที่นี้ แฮร์รี่ได้ใช้ดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ เป็นตัวทำลาย เพราะดาบสามารถดูดซึมพิษของบาซิลิสก์ไว้ หลังจากที่แฮรืรี่ได้ใช้ดาบฆ่างูเมื่อเล่ม 2

ชื่อครอบครัวแบล็ก

ชื่อครอบครัวแบล็ก


ฟินิอัส นิเจลลัส แบล็ค << Phineas Nigellus Black >>
(เทียด หรือพ่อของทวดของซิริอัส อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนฮอกวอตส์)
Phineas เป็นภาษาฮิบรู แปลว่า ปากงู
Nigellus มาจากภาษาละติน niger แปลว่า ดำ หรือ ชั่วร้าย
จึงไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลแบล็คจะอยู่บ้านสลิธิรินทั้งหมด (ยกเว้นซิริอัสคนเดียวที่อยู่กริฟฟินดอร์)

ในประวัติศาสตร์ Phineus สั่งฆ่าชายอิสราเอลที่แต่งงานกับคนนอกเผ่าพันธุ์
เหมือนกับในตระกูลนี้ ที่ระเบิดชื่อคนที่แต่งงานกับมักเกิลออกจากสาแหรกตระกูลแบล็ค

คุณนายแบล็ค แม่ของซิริอัส ที่อยู่ในภาพวาด มีลูกชายสองคนคือ

1.ซิริอัส แบล็ค << Sirius Black >>
Sirius หรือดาวสุนัขใหญ่ เป็นดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาว Canis major

2.เรกูลัส แบล็ค << Regulus Black >>
Regulus หรือดาวราชาน้อย เป็นดาวที่สว่างที่สุดในจักรราศีสิงห์

ป้าของซิริอัส มีลูกสาวอีกสามคน แต่งงานหมดแล้ว ได้แก่

1.เบลลาทริกซ์ แบล็ค + รูดอลฟัซ เลสตรองก์
Bellatrix คือดาวอแมซอน อยู่ในตำแหน่งไหล่ขวาของดาวนายพราน จึงรู้จักกันในชื่อ “นักรบหญิง”

2. อันโดรมิดา แบล็ค + เท็ด ทองส์ ===> นิมฟาดอรา ทองส์
Andromeda ตามนิยายดาวเป็นหญิงสาวที่ถูกล่ามโซ่เพื่อเป็นเครื่องสังเวย เพราะไม่ยอมแต่งงานกับ Phineus (ชื่อคล้ายฟินิอัสหรือพวกเลือดบริสุทธิ์) แต่กลับเลือก Perseus (ในกรณีนี้คือมักเกิล) แทน
Nymphadora มาจาก nymph ซึ่งหมายถึงภูติสาวที่สิงอยู่ตามภูเขา และมีความสามารถในการเปลี่ยนร่างตามใจชอบ

3. นาซิสซา แบล็ค + ลูเชียส มัลฟอย ===> เดรโก มัลฟอย
Nacissus เป็นชื่อชายหนุ่มที่หลงความงามของตัวเองมาก จนในที่สุดตกน้ำตายเพราะหลงเงาตัวเอง Nacissm จึงเป็นชื่อโรคใช้เรียกผู้ที่มีความมั่นใจและหลงตัวเองสูง
Lucius มาจาก Lucifer หรือปีศาจ ทั้ง Lucius และ Draco เป็นชื่อจักรพรรดิโรมันผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้าย

สิ่งของวิเศษ

สิ่งของวิเศษ



ศิลาอาถรรพ์ (Phlilosopher's Stone) : เป็นหินที่เกิด จากการเล่นแร่แปรธาตุของพ่อมดนิโคลัส เฟลมเมลที่เคยทำงานกับ อัลบัส ดับเบิลดอร์ มีอำนาจในการฟื้นฟูและชุบชีวิตได้ ลอร์ด โวลเดอมอร์ต้องการที่จะได้มันมากเพื่อที่จะได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง วิชาการเล่นแร่แปรธาตุที่เก่าแก่นี้ มุ่งอยู่ที่การประดิษฐ์ศิลาอาถรรพ์ เป็นธาตุที่ตามตำนานเชื่อกันว่ามีพลังอำนาจมหัศจรรย์ ศิลาอาถรรพ์นี้สามารถเปลี่ยนเป็นโลหะใด ๆ ให้เป็นทองคำบริสุทธิ์ได้ และยังนำไปปรุงยาชุบชีวิตที่ทำให้ผู้ดื่มมีชีวิตเป็นอมตะ ?



รถบินได้ (Ford Anglia) : เป็นรถฟอร์ด แองเกลีย เป็นสมบัติของบ้าน วิสลีย์มีสีฟ้าอมเขียว


รถเมล์อัศวินราตรี (knight Bus) : เป็นรถโดยสารสามชั้น สีม่วงบาดตา ซึ่งไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน ตัวหนังสือสีทองเหนือกระจกเขียนว่า รถเมล์อัศวินราตรี
เป็นพาหนะฉุกเฉินสำหรับพ่อมดแม่มดพเนจร เที่ยวที่แฮร์รี่ขึ้น ไป นายสแตน ชันไพก์เป็นกระเป๋ารถ เออร์นี่ แพรงก์เป็นคนขับรถ บนรถไม่มีเก้าอี้ แต่มีเตียงที่ส่วนโครงทำด้วยทองเหลือง 6 เตียง เรียงอยู่ข้างหน้าต่างที่ติดผ้าม่านไว้ เทียนไขจุดบนเชิงเทียงข้างเตียงแต่ละเตียง

ต้นวิลโลร์จจอมหวด (Deflating Willow) : เป็นต้นไม้วิเศษที่ฮอกวอตส์ เป็นต้นไม้ที่คอยหวดทุกอย่างที่เข้ามาใกล้ ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าทางลับไปยังเพลิงโหยหวน
แมนแดรก (Mandrake) : แมนดาเกอเรอะ เป็นพืชวิเศษของพ่อมดแม่มด ที่มีใบเป็นกระจุกสีม่วงอมเขียวรูปร่าง ของลำต้นเหมือนกับมนุษย์ มีดอกสีม่วง มีสารเสพติดในอดีตเคยใช้เป็นยาแก้ปวด ตามความเชื่อทางเวทมนตร์เชื่อว่าเป็นส่วนผสมของยาแก้คำสาปที่ทรงอนุภาพ ทำให้คนที่ถูกสาปหรือแปลงร่างกลับสู่สภาพเดิม มีผีสิงอยู่ที่รากเวลาถอนจากดินจะมีเสียงร้องดังโหยหวน เสียงร้องของมันทำให้คนที่ได้ยินถึงตายได้ทีเดียว
อ่านพืชสมุนไพรในโลกเวทย์มนต์เพิ่มเติม : http://www.hp-platform934.com/boards/hogwarts/thread-62-1-2.html
น้ำยาสรรพรส (Polyjuice Potion) : เป็นน้ำยาที่ทำให้แปลงร่างเป็นใครก็ได้
ตรามาร (Darkmark) : เคยปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า หลังแข่งควิดดิชเวิลด์คัพ (ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี) ตรามารเป็นรูปหัวกะโหลกขนาดยักษ์ ดูเหมือนดาวมรกตระยิบระยับ หัวกะโหลกนั้นมีงูยื่นออกมาจากปากจนเหมือนเป็นลิ้น ตรามารเป็นสัญลักษณ์แสดงความสัมพันธ์ระหว่างโวลเดอมอร์กับลูกสมุนที่เป็นผู้ เสพความตายเท่านั้น
ยางลบเผยความลับ : เอาไว้สำหรับการเปิดความลับที่ซ่อนไว้

กระจกแห่งแอริแซด (Mirror of Erised) : เป็นกระจกที่เวลาที่ส่องกระจกคุณจะไม่ได้เห็นใบหน้าแต่จะเห็นความปราถนาใน หัวใจของคุณ หรือ สิ่งที่คุณอยากจะเห็นและอยากที่จะเป็น ที่กรอบด้านบนของกระจกเงาแห่งแอริเซด (ในหนังสือเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ) เขียนไว้ว่า "Erised stra ehru oyt ube cafru oyt on wohsi " ซึ่งถ้าเว้นวรรคใหม่ให้ดีแล้วอ่านย้อนจากหลังไปหน้าก็จะได้เป็น " I show not your face but your hearts desire " (ฉันไม่ได้แสดงภาพใบหน้าของคุณ แต่แสดงถึงความปรารถนาภายในใจ) ดังนั้น 'The Mirror of Erised' ก็คือ 'The Mirror of Desire' นั่นเองอ่านกระจกแห่งแอริแซด (Mirror of Erised)เพิ่มเติม : http://www.hp-platform934.com/boards/hogwarts/thread-976-1-1.html


เครื่องย้อนเวลา (Time Turner) : เครื่องย้อนเวลา เฮอร์ไมนี่ใช้มันในการเรียนด้วย เพราะเฮอร์ไมนี่ลงเรียนหลายวิชาในเวลาเดียวกัน
ยาชุบชีวิต (The Elixir of Life) : ยาที่ปรุงขึ้นจากศิลาอาถรรพ์ผู้ที่ได้ดื่มจะมีชีวิตเป็นอมตะ
ปลูกกระดูก (Skele-Gro) : ยาปลูกกระดูกใหม่ สำหรับคนที่กระดูกหายไป แฮร์รี่เคยปลูกมาแล้ว ตอนหลังแข่งขันควิดดิชเกมส์
แผนที่ตัวกวน (Marauder's Map) : เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักมัน มันมีบทบาทมากในเล่ม 3
ผ้าคลุมล่องหน (Invisibility Cloak) : เป็นผ้าคลุมที่ไม่มีใครสามารถมองเห็น เป็นมรดกที่พ่อของแฮร์รี่ฝากเอาไว้ให้กับเขา เขาใช้มันทุกกรณี ทั้งหนีไปหมู่บ้านฮอกมี้ด ไปอ่านหนังสือในห้องสมุด พามังกรไปปล่อย ฯลฯ
ลูกแก้วเตือนความจำ (Remembrall) : ลูกแก้วกลมๆ ขนาดเท่าลูกหินขนาดใหญ่ ภายในมีหมอกสีขาว ถ้ามันเปลี่ยนเป็นสีแดงนั่น หมายถึงว่าคุณกำลังลืมทำอะไรบางอย่าง (ยายของเนวิลล์ให้เขามา เพราะรู้ว่าเขาเป็นคนขี้ลืม)
เครื่องรางของขลัง (Charm) : วัตถุที่เสกคาถากำกับไว้ใช้ป้องกันตัวได้
จดหมายกัมปนาท (Howler) : เป็นจดหมายของพ่อมด ไม่มีใครอยากได้รับมัน เมื่อเปิดขึ้นมาจะมีเสียงดัง 100 เท่าของเสียงตะโกนปกติ ซองจดหมายเป็นสีแดง ใช้กับคนที่เราโกรธมากๆ รอนกับเนวิลล์เคยได้รับมัน
สนีกโคสโคป (Pocket Sneakoscope) : ของเล่นของพ่อมด มันจะเปล่งแสงและหมุนเองเมื่อมีบางคน หรือบางสิ่งที่น่าสงสัยและ ไม่น่าไว้วางใจอยู่ใกล้ๆ (รอนซื้อให้แฮร์รี่)
ไม้กายสิทธิ์ (Wand) : เครื่องมือของพ่อมดแม่มดที่ใช้ร่วมกับการใช้เวทมนตร์ สามารถหาซื้อได้จากร้านโอลลิเวนเดอร์ในตรอกไดแอกอน
ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ เป็นไม้ฮอลลี่ และขนนกฟินิกส์สิบเอ็ดนิ้ว และนุ่ม ซื้อที่ร้านโอลลิเวนเดอร์ ไม้กายสิทธิ์ของลอร์ด โวลเดอมอร์ เป็นไม้ยิว และขนนกฟินิกส์ สิบสามนิ้วครึ่ง เป็นนกตัวเดียวกับไม้ของแฮร์รี่ (อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น)
* หมายเหตุ ถ้าไม้กายสิทธิ์ที่ทำจากขนนกตัวเดียวกันมาประทะกัน จะเกิดปัญหา เวอริ ตาเซรัม (VERITASERUM)

ไม้กวาด นิมบัส 2000 (Nimbus 2000) : ชื่อไม้กวาดอันแรกที่แฮร์รี่ใช้แข่งขันในเกมส์ควิดดิช ศ.มักกอนนากัลเป็นคนมอบให้
นิมบัส 2001 (Nimbus 2001) : ชื่อไม้กวาดรุ่นต่อมาจากนิมบัส 2000
คอมเม็ท (Comet) : ชื่อไม้กวาดของโช แชงที่ใช้ในการแข่งขัน
คลีนสวิป 7 (Cleansweep 7) : เป็นชื่อไม้กวาดของเฟร็ดและจอร์ช สองฝาแฝด
ไฟร์โบลต์ (Firebolt) : ด้ามไม้กวาดทำจากไม้แอช เนื้อละเอียด ขัดเงาเหลี่ยมเพชร พร้อมหมายเลขประจำด้ามแกะสลักด้วยมือ ทุกก้านไม้กวาดทำจากกิ่งเบิร์ชที่คัดมาให้เหมาะกับหลักอากาศพลศาสตร์ ปรับทิศทางได้แม่นยำ เที่ยงตรง เร่งความเร็วสูงสุดจาก 0 ? 240 กม. / ชม. ได้ภายใน 10 วินาที พร้อมลงคาถาใส่แบรกที่ไม่อาจลบล้างได้
ชุดอุปกรณ์บำรุงรักษา ไม้กวาด (Broomstick Servicing Kit) : เป็นของขวัญวันเกิดอายุ 13 ปีของแฮร์รี่ที่ได้รับมาจากเฮอร์ไมนี่ มีกระปุกน้ำยาขัดเงา ด้ามจับ ยี่ห้อฟลีตวู้ดกระปุกใหญ่ กรรไกรสีเงินสำหรับเล็มปรายไม้กวาด เข็มทิศทองเหลืองอันจิ๋วสำหรับติดไว้กับไม้กวาดเวลา เดินทางไกล และหนังสือคู่มือดูแลรักษาไม้กวาดด้วยตนเอง


ไปรษณีย์นกฮูก (Own Post) : ในโลกของพ่อมดและแม่มดระบบไปรษณีย์นกฮูกใช้นกฮูกเป็นเสมือนระบบไปรษณีย์ และใช้ขนส่งของขนาดเล็กๆ และจดหมายไปยังปลายทางที่ฮอกวอตส์จะมีโรงเก็บนกฮูกด้วย เพื่อเก็บนกฮุกไว้ไม่ให้ไปกวนนักเรียน เดลี่ พรอเฟ็ต เป็นหนังสือพิมพ์ที่รายงานข่าวรายวันของพ่อมดแม่มด และรายงานของกระทรวงเวทมนตร์

ผีประจำบ้าน

ผีประจำบ้าน


นิกหัวเกือบขาด(Nearly Headless Nick)

     Sir Nicholas de Mimsy - Porpingtonเซอร์ นิโคลัส เดอ มิมซี่ พอร์พิงตัน (หลังการตายเรียกว่า นิคหัวเกือบขาด) (เสียชีวิตเมื่อ วันที่ 31 ตุลาคม 1492) เป็นพ่อมดที่ที่มาเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์และได้รับการคัดสรรให้ไปอยู่ในบ้านกริฟฟินดอร์ เขาถูกตัดหัวอย่างไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากที่ถกเถียงกับเลดี้ กริฟ ตั้งแต่นั้นมา เขาได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นหอ กริฟฟินดอร์ที่ปราสาทฮอกวอตส์
ชีวิตในช่วงต้น
    เมื่อยังเล็กรู้แค่เพียงว่า เซอร์นิโคลัสนั้นเข้ามาเรียนอยู่ในฮอกวอตส์และได้รับการคัดสรรให้อยู่บ้านก ริฟฟินดอร์ โดยไม่ทราบว่าเก่งในด้านไหนบ้าง แต่เขาอ่อนในวิชาแปลงร่าง และเมื่อเติบโตขึ้นมา เขาก็ทำงานในศาลพ่อมด
พบกับเลดี้ กริฟและเสียชีวิต
    เซอร์นิโคลัสถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะหลังจากใช้คาถาฟัน กระจ่างใสที่ผิดพลาดกับเลดี้กริฟ ถึงแม้ว่าขวานที่นำมาประหารจะทื่อ แต่หลังจากการฟัน 45 ครั้ง ศีรษะของนิคเพียงแค่เกือบขาดเท่านั้น เซอร์นิโคลัสถูกประหารในเช้ามืดของวันที่ 31 ตุลาคม 1492
ชีวิตหลังความตาย
   หลังจากที่เสียชีวิต เซอร์นิโคลัสเลือกที่จะกลับมาเป็นผีประจำหอคอยกริฟฟินดอร์ในฮอกวอตส์ หลังจากนั้นหลายปี เขาจึงได้ปรากฎตัวเพื่อทำความรู้จักกับผีอื่นๆ พีพฟ์ ผีโพลเตอร์ไกส์ เขาและบาทหลวงอ้วนได้ปรึกษากันในปี 1991 เรื่องพีพฟ์ ในครั้งนั้นเขาได้บอกบาทหลวงอ้วนว่าจะไม่ให้โอกาสพีพฟส์อีก
    แฮร์รี่ พอตเตอร์ หลังจากได้กลายเป็นเพื่อนของนิคเมื่อปีที่แล้วนั้น ได้เข้าร่วมงานปาร์ตี้วันตาย (ครบรอบปีที่ 500 ของการเสียชีวิต) ที่คุกของฮอกวอตส์ สำหรับการต้อนรับที่ค่อนข้างน่ารำคาญของนิค เนื่องจากหัวเขาขาดไม่หมดทำให้เข้าร่วมเกมส์ของสมาคมคนหัวขาดไม่ได้ สมาคมคนหัวขาดเป็นสังคมของผีที่ถูกตัดหัว ซึ่งทำให้ผีหลายตนหงุดหงิดพอควร
     ระหว่างปีการศึกษา 1992 เมื่อครั้งที่ห้องแห่งความลับเปิด เขาเป็นคนหนึ่งที่ถูกบาซิลิสก์ทำให้กลายเป็นหิน อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอาจจะเป็นลูกมักเกิ้ลทำให้จัสติน ฟินช์-เฟทช์ลีย์ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก ของบาซิลิสก์ปรากฏตัวขึ้นมาโดยบังเอิญ นิคช่วยชีวิตจัสตินไว้ด้วยการรับผลกระทบอย่างรุนแรงจากบาซิลิสก์แทน (ด้วยความที่ตายไปแล้วทำให้นิคเคลื่อนไหวไม่ได้แทนที่จะตายอีกครั้ง) ในท้ายปีนั้น เขาก็ฟื้นกลับมาเป็นผีอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่ารักษานิคอย่างไร เพราะว่าเป็นผี ทำให้น้ำยาจากต้นแมนเดรกที่ปรุงขึ้นมามีไว้ช่วยชีวิตนักเรียน แต่นั้นอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะนำมารักษาผี
     หลังจากที่ซีเรียส แบล็ก พ่อทูนหัวของแฮร์รี่ ถูกฆ่าตาย แฮร์รี่ถามนิคเรื่องที่ ซีเรียสจะกลับมาเป็นผีได้หรือไม่ นิคอธิบายว่า มีแต่พ่อมดที่กลัวความตายเท่านั้นถึงจะกลับมาเป็นผี และเหมือนกับว่าซีเรียส แบล็กจะไม่กลัวความตายเสียด้วย เขาบอกแฮร์รี่ว่าความตายนั้น เร็วและง่ายกว่าการนอนหลับเสียอีก เมื่อวิญญาณเขาออกมาจากหินชุบชีวิตพร้อมกับผีอีกสามตนที่เหลือ เขาบอกกับแฮร์รี่ว่าเขาตายในปี 1998 - -* การเลือกที่จะกลับมาเป็นผีหรือเลือกที่จะจากไปโดยที่ไม่เหลือร่องรอยของตัว เองบนโลกคือการก้าวต่อไป หรือเลือกที่จะก้าวต่อโดยอยู่ภายใต้ผ้าคลุม (เงา) อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่เกิดกับลอร์ด โวลเดอร์มอร์ เมื่อวิญญาณของโวลเดอร์มอร์จะไม่สามารถคงรูปจน ไม่อาจทำให้เขาเหลือร่องรอยไว้บนโลกอีก แต่อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นร่องรอยที่บริสุทธิ์ เมื่อไม่มีพลัง ก็ไม่สามารถวิงวอนสิ่งใดกับโวลเดอร์มอร์ได้
     เซอร์ นิโคลัสต่อสู้กับโวลเดอร์มอร์ในศึกที่ฮอกวอตส์หลังจากสงครามพ่อมดครั้งที่สอง เค้าก็ได้กลายเป็นผีประจำบ้านตลอดไป

ปล.ในส่วนของเซอร์นิโคลัสขอขอบคุณมิ้นนะครับที่ช่วยแปลให้



สุภาพสตรีสีเทา(GrayLady)

    Helena Ravenclaw(เรียกว่า Grey Lady หลังจากการตายของเธอ) เป็นแม่มดและลูกสาวของ Rowena Ravenclaw เธอเข้าเรียนที่ Hogwarts และถูกคัดสรรเข้าบ้านRavenclaw  บารอนเลือดรักเธอแต่เธอไม่ได้รักเขา เธอยังขโมยรัดเกล้าแม่และซ่อนในป่าที่แอลเบเนีย  บารอนพบนางและฆ่าเธอขณะที่ เธอปฏิเสธที่จะไปกับเขา เธอกลับเป็นผีที่ Hogwarts เธอเป็นผีประจำบ้าน Ravenclaw
ชีวิตในช่วงต้น
     Helena Ravenclaw เป็นลูกสาวของ Rowena Ravenclaw ผู้ก่อตั้งบ้าน Ravenclaw  และเป็นหนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้งของ Hogwarts เธออิจฉาความเก่งและสำคัญของแม่ดังนั้นเธอขโมยรัดเกล้าและหนีออกจาก Hogwarts เธอเชื่อในเวทย์มนต์ที่จะช่วยให้เธอฉลาดพอที่จะบรรลุเป้าหมายของเธอ แม่ของเธอรับไม่ได้ที่จะให้คนอื่นเอารัดเกล้าไป
ตาย
  คนที่มาจะกลายเป็นบารอนเลือดได้หลงรัก Helena และต้องการแต่งงานกับเธอ Rowena Ravenclaw, ผู้ที่ป่วยใกล้จะตาย ส่งเขาไปพบลูกสาวและพาเธอกลับไปที่ Hogwarts เธอพยายามซ่อนจากเขา แต่เขาประสบความสำเร็จที่สุดในการหาเธอ เธอปฏิเสธที่จะมาพร้อมกับเขาและปฏิเสธความรักของเขา ด้วยความโกรธทำให้เขาฆ่าเธอ หลังจากได้เห็นสิ่งที่เขาทำ เขาแทงตัวเองตาย
ชีวิตหลังความตาย
   Helena Ravenclaw เป็นที่รู้จักกันในนาม สุภาพสตรีสีเทา ผีประจำบ้านเรเวนคลอ  บารอนเลือดเป็นผีประจำบ้าน Slytherin และเขาสวมโซ่เป็นกระทำของการสำนึกผิดที่เขาฆ่า Helena  Helena ถูกอธิบายเป็นผีของแม่มดสาวสูง เธอสวมชุดที่ปิดแผลที่ถูกแทงด้วยมือน้ำมือของบารอนเลือด  Harry Potter บอกว่าเธอสวยงาม
  ในขณะที่ ทอม มาร์โวโล ริดเดิ้ล พักอยู่ในฮอกวอตส์  Helena บอก Tom Marvolo Riddleเกี่ยวกับรัดเกล้าของเธอซึ่งขโมยมาจากแม่ ซึ่งข้อมูลที่เขาได้รับจากเธอเนื่องจากพรสวรรค์ของเขาและยังเป็นที่ที่เธอ ซ่อนรัดเกล้าไว้   Riddle จึงเอาไปทำเป็น Horcrux
  วันที่ 1 กันยายน 1991, Helena เข้าร่วมฉลองต้อนรับ  นิกหัวเกือบขาดมาบอกเธอว่า Harry Potter ได้เป็นซีกเกอร์ของ Gryffindor Quidditch Team ในเดือนธันวาคม      เธอสวนกับรอน ขณะที่พวกเขาไปที่กระจกของแอริเซด
ในปี 1995, มักจะเห็น Helena ใกล้ห้องสมุด ซึ่งภาพเหมือนไม่พูดของเธอได้ถูกแขวน
  หลังจากที่ Harry Potter ตามหารัดเกล้าเพื่อที่จะทำลายมัน เมื่อเขาพยายามที่จะเผชิญหน้ากับสุภาพสตรีสีเทา แต่เธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบเขาและได้ลังเลที่จะให้ข้อมูลใดๆแก่เขา        เขาขอบคุณเธอที่ในส่วนข้อมูลที่เธอให้เขานั้นมันทำให้เขารู้ว่าVoldemort ซ่อนรัดเกล้าไว้ที่ไหนและสามารถทำลายรัดเกล้าได้



บาทหลวงอ้วน(Fat Friar)

บาทหลวงอ้วน เป็นผีประจำบ้านฮัฟเฟิลพัฟ เขาเป็นคนสนุกสนานมากและให้อภัย ในปี 1991 เขาปรากฏตรงหน้า Harry Potter และอื่นๆ เป็นปีแรกที่พวกเขารอการเรียงลำดับต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่นและเขาจะยินดี ที่จะพบในบ้านของเขา   Fat เขาเป็นนักบวชที่เป็นธรรมมาก เป็นเขาเสมอที่ขอร้องในนามของ Peeves ผีโพลเตอไกสต์เพื่อให้เขามาในงานต้อนรับ นักบวชที่เคยมีการจัดการเพื่อหว่านล้อมผีอื่นๆใส่ใจ พีฟส์( Peeves)     ไม่มีใครรู้ว่าในอดีตเขาจะทำผิด
ชีวิตในตอนต้นและตาย  
เขาเข้าเรียนที่ Hogwarts และถูกคัดสรรให้ไปอยู่ Hufflepuff ไม่มีใครรู้เมื่อเขาเสียชีวิตหลังจากการตายของเขา  เขาก็มาเป็นผีประจำบ้าน Hufflepuff
ชีวิตหลังความตาย
    บาทหลวงอ้วนเข้าร่วมฉลองต้อนรับปี 1991 หวังที่จะเห็นนักเรียนในบ้านของเขา  เขาโบกมือให้กับ Hannah Abbott เมื่อเธอถูกคัดสรรมาอยู่ในบ้าน ในปี 1992 นักบวชเข้าร่วมงานเลี้ยงวันตายของเซอร์นิโคลัส เดอร์ มิมซี่-พอร์พิงตัน เขาพบ Harry Potter บาทหลวงอ้วนต้องการให้ Peeves เข้าร่วมฉลองต้อนรับปี 1994 แต่บารอนเลือดไม่เห็นด้วย ในปี 1995 ภาพเหมือนของเขาถูกแขวนหนึ่งในทางเดินของ Hogwarts Castle เขาเห็น Dolores Umbridge พยายามจะเข้าถึงสำนักงานอาจารย์ใหญ่และบอก Ernie Macmillan รู้เกี่ยวกับมัน



บารอนเลือด(Bloody Baron)

บารอนเลือด เข้าเรียนที่ Hogwarts ในช่วงอายุสิบเอ็ดปีและคัดสรรเข้าบ้าน Slytherin หลังจากอยู่ที่ Hogwarts เขาตกหลุมรัก Helena Ravenclaw แต่เธอไม่ได้รักเขา เขาถูก Rowena Ravenclaw ส่งไปค้นหา Helena ในแอลเบเนีย แต่เธอปฏิเสธที่จะไปกับเขาและเขาฆ่าเธอ เมื่อเขาตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น Baron แทงตัวเองด้วยมีดและเสียชีวิต ตั้งแต่นั้นมาเขาเป็นหนึ่งในผีที่สิงอยู่ใน Hogwarts และเป็นผีประจำบ้าน Slytherin
ชีวิตในช่วงต้น
   บารอนเกิดเป็นขุนนาง อาจเป็นไปได้ว่าเขาเกิดในครอบครัวมักเกิ้ล เมื่ออายุได้ 11 เขาเริ่มเข้า Hogwarts ซึ่งในขณะนั้นยังคงถูกดำเนินการโดยผู้ก่อตั้งเดิมและถูกคัดสรรให้อยู่บ้าน Slytherin มันน่าจะเป็นรอบเวลาที่เขาได้พบ Helena Ravenclaw ลูกสาวของหัวหน้า Rovena  Ravenclaw  หญิงสาวที่เขาตกหลุมรักนี้แม้ว่าเธอเคยปฏิเสธความก้าว หน้าของเขา
ตาย
   ต่อมาในชีวิตของเขา  หลังจาก Helena ขโมยรัดเกล้าของแม่ที่เพิ่มปัญญาให้กับผู้สวมใส่ เธอหนีไปที่แอลเบเนีย รอบเวลาเดียวกันนี้ Rowena เริ่มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ   แต่มีตำนานบอกว่าหัวใจของเธอแตกสลาย เกิดจากลูกสาวของเธอจากไป   โรวีน่าสั่ง    บารอนให้ไปตามเธอกลับมา ในที่สุดเขาพบว่าเธอซ่อนอยู่ในป่า หลังจากที่เขาได้พบเธอ Baron พยายามพาเธอมากับเขา แต่เธอปฏิเสธและด้วยความโกรธเขาฆ่าเธอ        เขาดำเนินชีวิตไปโดยสามารถเอาชนะความเศร้าโศกได้ และ Rowena ตายในที่สุด
ชีวิตหลังความตาย
    บารอนตลอดจน Helena รู้จักกันตอนที่เธอเป็นสุภาพสตรีสีเทา ทั้งสองคืนจากความตายเป็นผีและกลับไป Hogwarts พวกเขาเป็นผีประจำบ้านเดิมของตน   บารอนสำนึกผิดของการกระทำของเขานับตั้งแต่และใช้โซ่หนักเป็นสัญลักษณ์ของ การสำนึกผิด ผีอื่นๆในฮฮกวอตส์ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ว่า ทำไมเขาถึงใช้โซ่ปกปิดเลือด เขายังเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุม Peeves ผีโปลเตอร์ไกสต์
   บารอนเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับของโรงเรียนในปี 1991 ซึ่งเขานั่งถัดจาก Draco Malfoy   ในงาน Halloween เขาสิงอยู่ในคุกใต้ดิน
  บารอนเข้าร่วมงานเลี้ยงวันตาย 500  ปี ของSir Nicholas de Mimsy Porpington เขาตรวจดูใน Slytherin Common Room ในวันที่ 25 เดือนธันวาคม
  ในปี 1994 บารอนพบ Harry Potter Ron Weasley ขณะที่พวกเขาพูดถึงคำพยากรณ์ของProf.Sybill Trelawney เกี่ยวกับการตายของแฮร์รี่
   ในปี 1995 ภาพของเขาถูกแขวนใกล้กับห้องเรียนปรุงยา เขายังคงสิงอยู่ในคุกใต้ดิน        ในปี 1997 เขาเป็นผีสิงอยู่ในหอคอยดูดาว

อาหารและเครื่องดื่มในโลกของแฮร์รี่ พอตเตอร์

อาหารและเครื่องดื่มในโลกของแฮร์รี่ พอตเตอร์

         อาหารที่ปรากฏอยู่ในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์vนั้น ก็เหมือนกับอาหารทั่วๆไปที่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่อาจจะมีไม่เหมือนบ้างก็ตรงที่กรรมวิธีการทำที่อาจจะใช้เรื่องของเวทมนต์ เข้ามาช่วย อาหารที่เราได้เห็นบ่อยๆในหนังสือชุดแฮร์รี่พอตเตอร์นี้ก็จะมีหลายอย่างหลายชนิด แต่ที่ต้องมีติดไว้บนโต๊ะอาหารของฮอกวอตส์ก็ จะมีเนื้อย่าง ไก่ย่าง ซี่โครงหมู ซี่โคงแกะ ไส้กรอก เบคอนกับสเต็ก มันฝรั่งต้ม มันฝรั่งอบ มันฝรั่งทอด ยอร์กเขอร์พุดดิ้ง ลูกกวาดฮัมบักรสเป็ปเปอร์มินต์ และยังมีอาหารตามเทศกาลต่างๆอีก อย่างไก่งวงในเทศกาลคริสมาสต์ หรือเค้กฟักทองในวันฮัลโลวีน

ห้องครัวของฮอกวอตส์
จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าห้องครัวของโรงเรียนฮอกวอตส์อยู่ ส่วนไหนในปราสาท และจะมีใครรู้ไหมว่า พ่อครัวแม่ครัวไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเอลฟ์ประจำบ้านที่ทำหน้าที่ปรุงอาหารให้นักเรียนและอาจารย์ใน ฮอกวอตส์ได้รับประทานกัน
ทางเข้าโรงครัวของฮอกวอตส์เริ่มจากโถงทางเข้าเลี้ยวซ้าย ที่เชิงบันได และตรงไปยังประตู ลงบันไดไปอีกสองสามขั้นก็จะพบทางเดินพื้นปูหินที่กว้างขวางและมีคบไฟส่อง สว่าง อีกทั้งยังตกแต่งด้วยภาพวาดมีชีวิตชีวาที่ส่วนใหญ่เป็นภาพอาหาร ใกล้ๆกันมีภาพวาดรูปชาม ใส่ผลไม้ วิธีการเข้าก็แค่เอานิ้วจั๊กจี้ที่ลูกแพรสีเขียวลูกใหญ่มหึมา มันจะหัวเราะคิกคัก และในฉับพลันทันทีมันก็กลายเป็นที่จับประตูสีเขียวอันใหญ่  เมื่อเข้าไป แล้วจะพบกับห้องที่มีเพดานสูงและมีขนาดใหญ่มโหฬารเท่ากับห้องโถงใหญ่ที่ชั้น บน ในห้องมีหม้อและกระทะทองเหลืองแวววาวกองอยู่รอบกำแพงหิน และที่สุดปลายข้างหนึ่งมีเตาผิงขนาดใหญ่ก่อด้วยอิฐ เมื่อเดินเข้าไปอีกจะพบกับโต๊ะไม้ตัวยาวสี่ตัวตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกัน กับโต๊ะสี่ตัวในห้องโถงใหญ่พอดี และอาหารคงจะส่งผ่านเพดานขึ้นไปให้โต๊ะที่ตั้งไว้ตรงกันข้างบน

เครื่องดื่ม
บัตเตอร์เบียร์ (butterbeer) - เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของเหล่าบรรดาพ่อมดแม่มด หากวันไหนอากาศหนาวแล้วได้บัตเตอร์เบียร์ร้อนๆมีฟองฟูคงจะดีไม่น้อย และร้านที่มีคนนิยมไปกินบัตเตอร์เบียร์กันมากที่สุดก็คือร้านไม้กวาดสามอัน
คงจะมีหลายๆคนสงสัยว่าบัตเตอร์เบียร์เคยมีคนทำกินจริงๆไหมและมีรสชาติเป็น อย่างไร คำถามนี้ Bon Appetit เคยถามเจเคมาแล้วและเธอได้ตอบเอาไว้ว่า "ฉันนึกมันขึ้นมาเองค่ะ ฉันจิตนการเอาว่ามันน่าจะมีรสชาติเหมือนกับบัตเตอร์สกอตนิดๆ"
น้ำฟักทอง (Pumpkin Juice) - น้ำฟักทองเย็นเจี๊ยบ เราคงจะเห็นกันบ่อยๆบนโต๊ะอาหารของฮอกวอตส์และบนรถเข็นที่ขายอยู่ในรถด่วนฮอกวอตส์
ช็อคโกแลตร้อน (Hot chocolate) - เราจะเห็นช็อคโกแลตร้อนเสริฟบนรถเมร์อัศวินราตรีหากจ่ายค่าโดยสาร 13 ซิงเกิ้ล
อาหารฝีมือแฮกริด
เค้กหิน (Rock cakes) - เป็นเค้กที่เหมือนกับชื่อจริงๆ คือแข็งเป็นหินจนเกือบทำให้แฮร์รี่ฟันแทบหลุดออกมาเลยทีเดียว
ท็อฟฟี่น้ำตาลข้น (Treacle Fudge) - แฮกริดเคยชวนแฮร์รี่และรอนให้ลองชิม แต่ทั้งสองปฎิเสธเพราะเคยเห็นฝีมือการทำเค้กหินของแฮกริดมาแล้ว
เค้กวันเกิด (Birthday cake) - คงจะจำกันได้แฮกริดเคยทำขนมเค้กเป็นของขวัญให้แฮร์รี่มาแล้วในเล่มแรก เป็นเค้กช็อคโกแลตก้อนใหญ่ เขียนด้วยน้ำตาลสีเขียวว่า สุขสันต์วันเกิดแฮร์รี่ แต่รสชาติจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องให้ดัดลีย์คอนเฟริมมาอีกที

ร้านอาหาร
ร้านไม้กวาดสามอัน (Three Bloomsticks Inn ) - ร้านนี้ตั้งอยู่ในฮอกมี้ดส์ มีมาดามโรส เมอร์ทาร์เป็นเจ้าของร้าน

ร้านหม้อใหญ่รั่ว (Leaky Cauldron) - ร้านนี้เป็นทางเข้าสู่ตรอกไดแอกอน มีทอมเป็นเจ้าของร้านนอกจากจะบริการอาหารเครื่องดื่มแล้ว ร้านหม้อใหญ่รั่วยังมีห้องพักไว้บริการพ่อมดแม่มดอีกด้วย
ร้านไอศกรีมของฟลอเรียน ฟอร์เตสคิว (Florean Fortescue's Ice Cream) - ร้านนี้ขายไอศกรีมอยู่ในตรอกไดแอกอน ฟลอเรียน ฟอร์เตสคิว เป็นเจ้าของ
ร้านหัวหมู (Hog's Head) - ร้านนี้เป็นผับตั้งอยู่ในฮอกมี้ดส์ แฮร์รี่เคยใช้ร้านนี้เป็นที่นัดพบของกองทัพดัมเบิลดอร์ในหนังสือเล่ม 5
ฮันนี่ดุ๊กส์ (Honeyduke's) - เป็นร้านขายลูกอมนานาชนิดตั้งอยู่ในฮอกมี้ดส์

กระจกเงาแห่ง Erised

กระจกเงาแห่ง Erised

เล่ม 7 การเผชิญหน้าระหว่างแฮร์รี่และโวลเดอมอร์ ผู้เป็นเหมือนเงาในกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน

แฮร์รี่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ คาดหวังว่าจะเจอสเนป แต่กลับเจอควีเรลล์ = มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คนที่เห็นว่าดีจะกลายเป็นคนร้าย คนที่คิดว่าร้ายจะกลายเป็นคนดี

โวลเดอมอร์ สิงอยู่ในร่างควีเรลล์ และคิดว่าเขามีกำลังมากขึ้นเพราะเขาไม่ได้อยู่ลำพัง แต่ควีเรลล์พ่ายแก่แฮร์รี่ในที่สุดและโวลเดอมอร์ก็ถูกทำลายอีกครั้ง = คนสนิทของโวลเดอมอร์ที่เขาเชื่อใจ จะนำจุดจบมาให้ อาจจะเป็นหางหนอนที่เป็นหนี้ชีวิตแฮร์รี่ หรือ สเนปที่แท้จริงแล้วยังอยู่ฝ่ายดี

เวทมนตร์จากการที่ลิลลี่สละชีวิตเพื่อปกป้องแฮร์รี่ ช่วยป้องกันแฮร์รี่ไว้ = JK ให้สัมภาษณ์แล้วว่า ในเล่ม 7 เราจะรู้เกี่ยวกับลิลลี่ และตาสีเขียวของเธอที่ถ่ายทอดมาให้แฮร์รี่จะมีบทบาทสำคัญ

เมื่อมองกระจก แฮร์รี่ได้ศิลาอาถรรพ์จากความรู้สึก เพียงแค่อยาก “พบ” แต่ไม่อยาก “ใช้” = สุดท้ายแฮร์รี่จะ “พบ”เวทมนตร์ที่สามารถทำลายโวลเดอมอร์ได้ เพียงแต่จะไม่ “ใช้”แต่จะยอม “สละ” พลังอำนาจนั้น เพื่อทำลายโวลเดอมอร์แทน

ศิลาอาถรรพ์ ตัวแทนของความเป็นอมตะ = Horcruxes ทำให้โวลเดอมอร์เป็นอมตะ

ท้ายที่สุด ศิลาอาถรรพ์ ถูกทำลาย = Horcruxes จะถูกทำลาย โวลเดอมอร์จะไม่เป็นอมตะอีกต่อไป

“กระจกเงา” ทำหน้าที่สะท้อนภาพเหมือนระหว่างโวลเดอมอร์ และแฮร์รี่
จากคำทำนาย “Dark Lord จะสร้างให้ แฮร์รี่เป็นบุคคลที่เสมอกับเขา แต่เขาจะมีพลังอำนาจ ที่Dark Lord ไม่อาจหยั่งรู้ได้”
- แฮร์รี่ ได้รับพลังบางอย่างของโวลเดอมอร์ท (เช่น ภาษาพาร์เซล)
- แฮร์รี่เห็นความเคลื่อนไหวของโวลเดอมอร์ และโวลเดอมอร์สามารถเข้าถึงจิตของแฮร์รี่ได้เช่นกัน
- ไม้กายสิทธิ์ของทั้งคู่ ทำจากหางนกฟินิกซ์ตัวเดียวกัน
- ทอม ริดเดิ้ล บอกแฮร์รี่ว่ามีอะไรที่คล้ายกันมาก เป็นเลือดผสมเหมือนกัน ทั้งคู่ไม่เคยได้อยู่กับพ่อแม่ ชีวิตวัยเด็กขาดความอบอุ่น มีความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน


แต่ในความเหมือน แม้เงาสะท้อนจะดูเหมือนกัน ก็ยังกลับซ้ายเป็นขวา
- แฮร์รี่ พ่อเป็นเลือดบริสุทธิ์ แม่เกิดในครอบครัวมักเกิล แฮร์รี่ภูมิใจทั้งพ่อและแม่ <> ทอม มาร์โวโล ริดเดิล พ่อเป็นมักเกิล แม่เป็นเลือดบริสุทธิ์ ไม่รู้สึกภูมิใจใครเลย
- แฮร์รี่เชื่อใจรอนและเฮอร์ไมโอนี่ <> โวลเดอมอร์ ไม่เคยเชื่อใจใคร
- ดวงตาแฮร์รี่สีเขียว <> ดวงตาโวลเดอมอร์ทสีแดง
- ไม้กายสิทธิ์แฮร์รี่สร้างประกายไฟสีแดง <> ของโวลเดอมอร์ทสร้างประกายไฟสีเขียว
- สีแดง (ทายาทกริฟฟินดอร์ ?) <> สีเขียว ทายาทสลิธิรีน

การทำลายโวลเดอมอร์ จะส่งผลอะไรกลับมายังแฮร์รี่ = บางส่วนที่โวลเดอมอร์ถ่ายทอดไว้ในตัวเขา จะถูกทำลายไปด้วย หรือแฮร์รี่ต้องแลกด้วยอะไรที่มากกว่านั้น

ได้แต่หวังว่า หากแฮร์รี่ได้มีโอกาสเห็นตัวเองในกระจกเงาแห่ง Erised อีกครั้ง คราวนี้เขาจะมองเห็นแค่ตัวเขา อย่างที่เขาเป็นจริงๆเสียที

พืชสมุนไพรในแฮร์รี่ พอตเตอร์

พืชสมุนไพรในแฮร์รี่ พอตเตอร์

       แฮร์รี่ พอตเตอร์ และ เพื่อนๆ ต้องเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ พืชบางชนิดที่กล่าวถึงมีอยู่ในโลกจริงๆ ส่วนบางชนิดเป็นพืชวิเศษที่มีอยู่ในจินตนาการ บางชนิดอยู่ก้ำกึ่งระหว่างของจริงกับนิยาย ถ้าเป็นพืชในจินตนาการของ เจเค โรลลิ่ง จะมีคำว่า JK. อยู่หลังชื่อสมุนไพรนั้นๆ แต่ถ้าไม่มี จะเป็นพืชที่มีอยู่จริง


Abyssinian Shrivelfig (ต้นมะเดื่อจากอบิสสีเนีย) JK.
นักเรียนสมันไพรศาสตร์ปีที่ 2 ต้องทำงานกับเจ้าต้นนี้โดยเรียนรู้ที่จะเล็มต้นมะเดื่อจากอบิสสีเนีย (ห้องแห่งความลับ -15) เปลือกของชริฟเวลฟิกเป็นส่วนผสมของน้ำยาหดตัว (อัซคาบัน -7)

Aconite (อะโคไนต์) หรือ Monkshood, Wlfbane
อะโคไนต์ เป็นพืชที่มีพิษอย่างร้ายแรง จึงเป็นที่มาของชื่อ Wolfbane ส่วนชื่อ Monkshood ได้มาจากรูปทรงของดอก (พืชชนิดนี้นำมาเป็นส่วนผสมของน้ำมันที่ใช้นวดข้อต่อที่เจ็บปวด แต่ถ้ากลืนหรือซึมซับผ่านผิวหนังที่แตกโดยตรงอาจทำให้ตายได้)

Asphodel (อัลโฟเดล)
เป็นส่วนผสมที่เป็นกุญแจสำคัญของยานอนหลับชนิดแรงมากที่รู้จักกันในชื่อของ ยาตายทั้งเป็น (ศิลาอาถรรพ์ -8) สเนปลองภูมิแฮร์รี่ในชั่วโมงแรกของวิชาปรุงยา พืชชนิดนี้มีความเกี่ยวพันกับชีวิตหลังความตายและยมโลก

Belladonna (เบลล่าดอนน่า)
พืชที่มีพิษชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดอุปกรณ์ปรุงยามาตรฐานของนักเรียนฮอกวอตส์

Bouncing Bulcs (หัวต้นกระเด้งดึ๋ง) JK.
ในการย้ายกระถางที่ปลูก เจ้าต้นนี้ดิ้นหลุดจากมือแฮร์รี่และฟาดหน้าเขา (ถ้วยอัคนี - 18)

Bubotuber (บิวโบทูบเบอร์) JK.
บิวโบทูบเบอร์ มีลักษณะเหมืองหอยทากยักษ์สีดำ โดยโผล่พ้นดินตามแนวตั้ง มันมีตุ่มขาดใหญ่เป็นมันหลายตุ่ม ซึ่งมีหนองข้นสีเขียวอมเหลืองอยู่ข้างใน กลิ่นเหมือนน้ำมัน (ถ้วยอัคนี - 13) หนองบิวโบทูเบอร์จะระคายผิว (ถ้วยอัคนี - 28) แต่เมื่อเจือจางให้เหมาะสมแล้วจะนำไปใช้เป็นยาแก้สิวชะงัดนัก (ถ้วยอัคนี - 13

Cabbage (กระหล่ำปลี)
แฮกริดได้ปลูกแปลงกระหล่ำสำหรับฮอกวอตส์ เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้แก่ครัว ตามที่แฮกริดเล่า ตัวทากกินเนื้อเข้ามาทำลายกระหล่ำปลี (ห้องแห่งความลับ - 4)

Dalsy (เดซี่)
รากของมันเป็นส่วนผสมในน้ำยาหดตัว (นักโทษแห่งอัซคาบัน - 7)

Devil's Snare (กับดักมาร) JK.
กับดักมารมีองค์ประกอบที่ค่อนข้างนุ่ม ซึ่งมีงวงหรือเถาที่จะวัดคนที่ไปสัมผัสมัน ยิ่งต่อสู้ดิ้นรนมากเท่าไหร่ มันจะยิ่งรัดมากขึ้นเท่านั้น กับดักมารที่ชอบชื้นแฉะและมืด เถาของมันจะหดตัวออกจากไฟ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ใช้คาถาลูเบลล์เฟลมสร้างไฟสีน้ำเงินขับกับดักมารที่กำลัง รัดแฮร์รี่และรอน (ศิลาอาถรรพ์ -16)
อีกครั้งที่กับดักมารมีบทบาทคือในภาค 5 ชินส่วนของมันถูกใช้เพื่อฆาตกรรม บรอเดอริค โบเด ในเซนต์มังโกซึ่งปรากฎเป็นข่าวในเดลี่ฟรอเฟ็ต (ภาคีนกฟินิกซ์ -22 , ภาคีนกฟินิกซ์ - 25)

Dittany (ดิตทานี)
หนึ่งในพืชที่อยู่ในตำราสมุนไพรและเห็ดราวิเศษหนึ่งพันชนิด (ศิลาอาถรรพ์ - 14) ในอดีตเชื่อว่ามันมีพลังวิเศษ
 
Fanged Geranium (เขี้ยวเจอราเนียม)JK.
พืชชนิดนี้สามารถกัดคนได้ (ภาคีนกฟินิกซ์ - 31) Fang แปลว่า "เขี้ยวสัตว์" ส่วนเจอราเนียมเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีอยู่จริง

Filitterbloom (ฟลิตเตอบลูม) JK.
พืชชนิดนี้มีลักษณะเหมือนกับดักมารอย่างมากแต่ไม่ดุร้าย ซึ่งมิเรียม สเตร้าท์ สำคัญผิดว่ากับดักมารที่ฆ่าบรอเดอริก โบเด เป็นฟลิตเดอบลูม (ภาคีนกฟินิกซ์ - 22,25)

Flutterby Bush (พุ่มระริกไหว) JK.
พุ่มไม้นี้สั่นและเขย่าในชั้นเรียนสมุนไพรศาสตร์ นักเรียนจะต้องเร็มเจ้าต้นนี้ (ถ้วยอัคนี - 20)

Fluxweed (หญ้าน้ำประสาร)
พืชชนิดนี้หาได้ยากในอังกฤษ มันมีส่วนผสมของน้ำยาสรรพรส หญ้าน้ำประสานต้องเก็บในคืนวันเพ็ญเท่านั้น (ห้องแห่งความลับ - 10,11)

Gillyweed (หญ้าเหงือกปลา)
เป็นของพื้นเมือแถบเมติเตอร์เรเนียน พืชน้ำชนิดนี้มีลักษณะเหมือนหางหนู สีเขียวอมเทา มีเมือกมันที่รวมกันเป็นกระจุก เมื่อเคี้ยวและกลืนลงไป มันจะสร้างเหงือกทำให้สามารถหายใจในน้ำได้ นอกจากนั้นยังสร้างผังผืดที่มือเท้าทำให้มีครีบเหมือนปลา หญ้าเหงือกปลาจะออกฤทธิ์ได้ 1 ชั่วโมง ซึ่งทำให้แฮร์รี่สามารถลงไปช่วยรอนในทะเลสาบได้ในภารกิจที่ 2 ของการประลองเวทย์ไตรภาคี สเนปเก็บหญ้าชนิดนี้ไว้ในที่เก็บส่วนตัว แต่ด็อบบี้ขโมยมาให้แฮร์รี่ (ถ้วยอัคนี -26)

Ginger (ขิง)
รากขิงเป็นส่วนประกอบของยาปัญญาเฉียบ (ถ้วยอัคนี -27)

Hellebore (เฮลลีบอร์)
พืชที่มีพิษ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่แฮร์รี่ลืมเติมลงในยาแห่งสันติ (ภาคีนกฟินิกซ์ - 12)

Holly (ฮอลลี่)
ต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการนำมาทำเป็นไม้วิเศษ ฮอลลี่เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพ (ต้นไม้ชนิดนี้นำมาประดับประตูหน้าต่างในเทศกาลคริสต์มาส)
ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่เป็นหนึ่งเดียวที่ทำจากต้นฮอลลี่ (ศิลาอาถรรพ์ - 5)

Honking Daffodil (แดฟโฟดิล)
ศาสตราจารย์สเปราต์มีอยู่ในเรือนกระจก (แดฟโฟดิลเป็นดอกไม้จำพวกจุ๊บเชียงสีเหลือง)

Hornbeam (ฮอร์นบีม)
ต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการทำเป็นไม้วิเศษ
ไม้กายสิทธิ์ของวิคเตอร์ ครัม ทำมาจากฮอร์นบีม

Knotgrass (หญ้าปม)
เป็นส่วนผสมหนึ่งในน้ำยาสรรพรส (ห้องแห่งความลับ - 10,11)

Leaping Toadstool (มูลคางคกกระโดด)
ในชั้นสมุนไพรปีที่ 2 ซึ่งนักเรียนต้องทำงานด้วย (ห้องแห่งความลับ - 14) Toadstoll เป็นเห็ดชนิดหนึ่ง ส่วน Leap แปลว่า กระโดด

Lovage
ใช้ในยาสับสนและมึนตึง (ภาคีนกฟินิกซ์ - 18)

Mallowsweet (มอลโลว์สวีท)
เซ็นทอร์เผาสิ่งนี้ และสังเกตควันและเปลวเพื่อช่วยแปลผลของการดูดาว (ภาคีนกฟินิกซ์ - 27)

Mandrake (แมนเดรก)
แมนแดรกเป็นส่วนผสมสำคัญที่ใช้ในยาแก้พิษส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วยให้คนที่ถูกสาปหรือถูกแปลงร่างกลับคืนสภาพเดิมได้ ดังนั้นดัมเบิลดอร์จึงให้ศาสตราจารย์สเปราต์เลี้ยงแมนเดรกเพื่อใช้เป็นยา รักษาคนที่กลายเป็นหิน เนื่องจากบาซิลิสก์ แมนเดรกมีอันตรายอย่างยิ่งยวดเนื่องจากเสียงร้องของมัน เชื่อกันว่ามีผีสิงอยู่ที่รากของแมนเดรก ซึ่งหากถอนขึ้นมา ผีจะกรีดร้องโหยหวนและทำให้คนที่ได้ยินถึงตายได้
แมนเดรกเป็นพืชที่มีอยู่ในโลกจริงๆ แมนเดรกมักถูกเรียกว่าแมนดราโกรา ในขณะที่อาหรับเรียกว่าแอปเปิ้ลของซาตาน แมนดราโกราเป็นคำที่มาจากภาษากรีกมีความหมายว่าเป็นอันตรายต่อปศุสัตว์ เชื่อกันว่าถ้าให้สตรีกินเข้าไปแล้วจะตั้งครรภ์ ในคัมภีร์ไบเบิลจากหนังสือปฐมกาล กล่าวถึงต้นแมนเดรก (ไบเบิลฉบับภาษาไทยแปลว่า "มะเขือดูดาอิม") ว่านางราเซลขอต้นไม้นี้มาจากพี่สาวที่ชื่อนางเลอาห์ เพราะราเชลยังไมีมีลูก ต่อมาภายหลังนางราเชลก็มีลูก และตำนานอื่นๆเล่า ต้นนี้เป็นพืชที่มีความสัมพันธ์กับความเสเพล และความยั่วยวนของเทวีวีนัส
แมนเดรกเป็นพืชสมุนไพรที่ปราศจากลำต้น มันมีรากใหญ่สีน้ำตาลและมีใบสีเขียว มันมีความสูงประมาณ 4 นิ้ว แมนเดรกออกดอกในช่วงมีนาคมถึงเมษายน และมีผลในช่วงฤดูร้อนดอกมีสีแตกต่างกันตั้งแต่ขาวถึงเหลือง มีรูปทรงคล้ายถ้วย แมนเดรกเป็นพืชพื้นเมืองของหิมาลายาและเมดิเตอร์เรเนียน

Maple (เมเปิล)
ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้วิเศษ (ศิลาอาถรรพ์ - 5)

Mahogany (มะฮอกกานี)
ต้นไม้ชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้วิเศษ (ศิลาอาถรรพ์ - 5,7)
ไม้วิเศษอันแรกของเจมส์ พอตเตอร์ทำมาจากไม้มะฮอกกานี ตามที่มิสเตอร์โอลิแวนเดอร์สาธยายไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติดัดงอง่าย และดีเยี่ยมสำหรับการใช้แปลงร่าง
เจเค โรว์ลิ่ง กล่าวไว้ว่าถ้าเธอมีไม้กายสิทธิ์มันควรเป็นไม้มะฮอกกานีที่มีขนหากฟินิกซ์เป็นแกนกลาง

Mimbulus Mimbletonia JK.
เป็นสิ่งที่หายากเป็นของพื้นเมืองของอัสซีเรีย พืชชนิดนี้คล้ายกระบองเพชรเทา เนวิลล์ ลองบัตท่อมได้มันมาจากลุงอัลจี้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่ 15 (ภาคีนกฟินิกซ์ - 15)

Nettle (ขนเม่น)
เป็นพันธ์ไม้ที่มีขนคันคล้ายตำแย เป็นส่วนผสมพื้นฐานยารักษาฝี (ศิลาอาถรรพ์ - 8)

Oak (โอ๊ก)
ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้กายสิทธิ์ โอ๊กเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ไม้วิเศษของแฮกริดทำจากไม้โอ๊ก (ศิลาอาถรรพ์ - 5)

Privet (พรีเว็ต)JK.
พันธ์ไม้ที่ปลูกบริเวณชานเมืองของพวกมักเกิ้ลเป็นรั้วไม้เตี้ยๆ

Puffapod (พัฟฟาพ็อต)
ฝักอ้วนสีชมพูที่มีเมล็ดเป็นมันวาว มันจะแตกเป็นดอกไม้เมื่อมันตกพื้น (นักโทษแห่งอัซคาบัน - 8)

Pumkim (ฟักทอง)
แฮกริดปลูกแปลงฟักทองไว้นอกกระท่อม ซึ่งผลฟักทองนิยมนำไปประดับในงานฮัลโลวีน

Rosewood (พะยูง)
โรสวู๊ดหรือไม้พะยู ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้กายสิทธิ์ (ศิลาอาถรรพ์ - 5) ไม้กายสิทธิ์ของเฟลอร์ เดอลากูร์ทำจากไม้โรสวู้ด
Sage (ไม้จำพวกผกากรอง)
เซนทอร์เผาสิ่งนี้ และสังเกตควันและเฟลวไฟเพื่อช่วยแปลผลของการดูดาว (ภาคีนกฟินิกซ์ - 27)

Scurvy - grass
ใช้ในยาสับสนและมึนตึง

Sneezewort
ใช้ในยาสับสนและมึนตึง

Umbrella - sizes Flowers (ดอกไม้ยักษ์ขนาดเท่าร่ม) JK.
แขวนอยู่บนเพดานของเรือนกระจกหมายเลข 3 (ห้องแห่งความลับ - 6)

Vanonous Tentacula (แทนทะคูเลอะมีพิษ)
ต้นไม้สีแดงคล้ำๆซึ่งมีฟัน ชอบยื่นเถาไปยังผู้คน (ห้องแห่งความลับ - 6)

Willow (วิลโลว์)
ต้นไม้ชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้วิเศษ
ไม้กายสิทธิ์ของลิลลี่ แม่ของแฮร์รี่ทำจากต้นวิลโลว์ (ศิลาอาถรรพ์ - 5) ไม้กายสิทธิ์ของรอนก็ทำมาจากต้นวิลโลว์ (นักโทษแห่งอัซคาบัน)

Whomping Willow (ต้นวิลโลว์จอมหวด) JK.
เป็นพืชพันธ์เดียวกับวิลโลว์ แต่ใหญ่กว่า และดุร้ายกว่าเมื่อมีสิ่งใดเข้าไปใกล้ (ห้องแห่งความลับ , นักโทษแห่งอัซคาบัน)

Wolfbane (วูลฟ์เบน)
ดู Aconite

Wormwood (วอร์มวู๊ด)
เป็นส่วนผสมของยานอนหลับที่แรงมากที่รู้จักกันในชื่อยาตายทั้งเป็ฯ สมุนไพรชนิดนี้ เป็นคำถามแรกที่สเนปถามแฮร์รี่ในชั่วโมงแรกของชั้นเรียนวิชาปรุงยา (ศิลาอาถรรพ์ - 8)

Yew (ยิว)
ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้กายสิทธิ์ ต้นยิวเป็นสัญลักษณ์ของความตายและการคืนชีพ ไม้นี้มีความทนทานต่อการผุพังอย่างดีเยี่ยม ต้นยิวปลูกในลานโบสถ์ที่ลิตเติลแฮงกลีตัน (ถ้วยอัคนี) และต้นยิวเติบโตในป่าต้องห้าม แฮกริดได้สังเกตมันได้ชัดเจนเมื่อแฮกริดสอนปีห้าเกี่ยวกับธีสทรัล (ภาคีนกฟินิกซ์)
ไม้กายสิทธิ์ของทอม ริดเดิ้ล ทำมาจากไม้ยิว (ศิลาอาถรรพ์ - 5)

รายชื่อเวทย์มนต์คาถาในแฮร์รี่ พอตเตอร์

รายชื่อเวทย์มนต์คาถาในแฮร์รี่ พอตเตอร์

 A  
Accio (แอ๊กซีโอ) - ใช้เสกวัตถุสิ่งของให้บินไปหาผู้ที่ร่ายคาถาไม่ว่าของสิ่งนั้นจะอยู่ไกลแค่ ไหนก็ตาม แต่มีข้อแม้ว่าคนที่ร่ายคาถาต้องรู้ว่าอย่างน้อยวัตถุนั้นอยู่ตรงไหน  
Age Line (เส้นอายุ) - เส้นบางๆสีทองที่ลากไปตามพื้นซึ่งจะมีผลกับใครก็ตามที่เดินข้ามไปโดยที่อายุ ไม่เป็นไปตามกำหนด  
Alohomora (อาโลโฮโมล่า) - ใช้เสกเพื่อสะเดาะกลอนประตูให้เปิดออก  


Animagus (อนิเมจัส) - ใช้เรียกพ่อมดหรือแม่มดที่สามารถแปลงร่างเป็น!ได้  
Anti-Cheating Spells (เอนติ เชสสติงค์ สเปลล์ ) - คาถาต่อต้านการโกง ใช้ตอนช่วงสอบ  
Anti-Gravity Mist (เอนติ กราวิตี้ มิส) - หมอกไร้แรงโน้มถ่วงที่แฮร์รี่เจอในภารกิจที่3ของการประลองเวทไตรภาคี  
Aparecium (อะพาเรซิอุม) - คาถาที่ใช้เสกให้สามารถอ่านหนังสือที่ใช้หมึกล่องหนเขียนได้  


Apparition (แอพพาริชั่น) - คาถาชั้นสูงที่พ่อมดที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีใช้ในการล่องหนจากที่ หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง  
Avada Kedavra (อะวาดา เคดาฟรา) - คำสาปพิฆาตทำให้ตายในทันทีด้วยแสงสีเขียว  
Avis (อาวิส) – ใช้เสกเหมือนมายากลให้นกโผล่ออกมา มิสเตอร์โอลลิแวนเดอร์ใช้คาถานี้ทดสอบไม้กายสิทธิ์ของวิกเตอร์ ครัม  


-------------------------------------------------------------------- 
  

C  

Colloportus (คอลโลพอร์ตัส) – ทำให้ประตูปิดผนึกแน่น  
Crucio (ครูซิโอ) – คาถากรีดแทง เป็นหนึ่งในคำสาปโทษผิดสถานเดียว เมื่อผู้ถูกสาปโดนคาถานี้จะทำให้เจ็บปวดเหมือนมีอะไรมากรีดแทง ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธอะไรเพื่อทรมานคนอื่น ถ้าร่ายคำสาปกรีดแทง  


-------------------------------------------------------------------- 
 

 

Deletrius (ดีลิตริอัส) – เสกเพื่อให้เงาของคาถาตรามารจากถาคา ไพรออร์ อินคานตาโต้ ที่ใช้ไปแล้วจากไม้กายสิทธิ์ให้สลายกลายเป็นควันเส้นบาง  
Densaugeo (เด็นเซากีโอ) – คาถานี้จะทำให้ฟันซี่หน้างอกยาวออกมาเลยริมฝีปากล่างลงไปถึงคาง  
Diffindo (ดิฟฟินโด) – คาถาเพื่อทำให้ของบางอย่างฉีกขาดหรือเปิดออก  
Dissendium (ดิสเซนดิอุม) – ใช้เปิดประตูลับตรงรูปปั้นแม่มดทางลับไปสู่ฮอกมี้ดส์  


--------------------------------------------------------------------
 
 

Engorgio (เอ็นกอกิโอ) – ทำให้สิ่งที่เสกมีขนาดใหญ่ขึ้น  
Ennervate (เอเนอร์วาเต้) – คาถานี้ทำให้คนที่โดนคาถาสะกดนิ่งกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม  
Evanesco (อีวาเนสโค) –ทำให้สิ่งของบางอย่างหายวับไป  
Expecto Patronum (เอกซ์เปกโต พาโตรนุม) – คาถาผู้พิทักษ์ เป็นคาถาในขั้นสูง เป็นผู้พิทักษ์ที่ต่อต้านผู้คุมวิญญาณ ทำหน้าที่เหมือนกับโล่คุ้มกันจากผู้คุมวิญญาณ  
Expelliarmus (เอ็กซ์สเปลล์ลิอาร์มัส) – คาถาปลดอาวุธ เมื่อเสกจะมีแสงสีแดงเข้มพุ่งออกมาจากปลายไม้  


--------------------------------------------------------------------
   

F  

Ferula (เฟอรูล่า) – คาถาเข้าเฝือก  
Finite Incantatum (ฟินิเต้ อินคันทาเท็ม) – ยกเลิกคาถา  
Flagrate (ฟลาเกรต) – เสกให้เป็นเครื่องหมาย X ที่คุแดงเป็นไฟ เพื่อทำเป็นสัญลักษณ์  
Furnunculus (เฟอร์นันคูลัส) – จะทำให้ผู้ที่โดนคาถานี้มีฝีหนองขนาดใหญ่น่าเกลียดปูดออกมา  


--------------------------------------------------------------------
 

 

Impedimenta (อิมเปดิเมนต้า) – ทำให้ผู้ที่โดนคาถานี้หยุดนิ่งหรือทำให้ช้าลง  
Imperio (อิมเปริโอ) – คำสาปสะกดใจ เป็นอีกหนึ่งในกลุ่มคำสาปโทษผิดสถานเดียว ใครที่โดนคำสาปนี้จะถูกสะกดให้ทำตามคำสั่ง  
Impervius (อิมเพอร์วิอัส) – ช่วยไล่น้ำออกจากสิ่งของ อย่างเช่นเฮอร์ไมโอนี่ช่วยเสกคานี้ใส่แว่นแฮร์รี่ ทำให้น้ำฝนไม่เกาะบนแว่นตา  
Incarcerous (อินคาเซอรัส) – เมื่อร่ายคาถานี้จะมีเชือกหลายเส้นพุ่งออกมาจากกลางอากาศ เหมือนงูตัวหนาเข้าไปผูกมัดไปรอบลำตัวหรือสิ่งของที่เสก  
Incendio (อินเซนดิโอ) – จุดไฟ  


--------------------------------------------------------------------
 

 

Locomotor Mortis (โลโคมอเตอร์ มอร์ติส) – คำสาปผูกขา ทำให้ขาสองข้างติดกันแน่นจนไม่สามารถเดินได้  
Lumos (ลูมอส) – ทำให้มีแสงสว่างเกิดขึ้นที่ปลายไม้กายสิทธิ์  


--------------------------------------------------------------------
 

M  

Morsmordre (มอร์สมอร์เดร) – คาถานี้เป็นการเสกตรามารขึ้นฟ้า เมื่อเสกจะมีแสงสีเขียวเป็นประกายขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไปลอยบนฟ้า เป็นรูปหัวกะโหลกขนาดใหญ่ที่ประกอบขึ้นจากสิ่งที่มองดูเหมือนดาวมรกตระยิบ ระยับ หัวกระโหลกนั้นมีงูยื่นออกมาจากปากจนเหมือนเป็นลิ้น  


--------------------------------------------------------------------
  

 

Nox (น็อกซ์) - ยกเลิกคาถาลูมอส  


--------------------------------------------------------------------
  

O  

Obliviate (ออบลิวิอาเต้) – คาถาลบความจำ  
Oculus Reparo (โอคิวลัส รีแพโร) – คาถาซ่อมสิ่งของ ในภาพยนต์เฮอร์ไมโอนี่ใช้คาถานี้ซ่อมแว่นตาของแฮร์รี่พอตเตอร์ที่หักอยู่  
Orchideous (ออร์คิดดีอุส) – เสกให้มีช่อดอกไม้ออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์  


--------------------------------------------------------------------


P  

Peskipiksi pesternomi (เพสกิพิกซี่ เพสเตอร์โนมี) – คาถาแช่แข็งพิกซี่เวอร์ชั่นของล็อกฮารต์ แต่รู้สึกว่าคาถานี้จะใช้ไม่ได้ผลในกรณีที่มีพิกซี่มากเกินไป  
Petrificus Totalus (เพ็ตตริพีคัส โททาลัส) – คาถาสาบให้ร่างทั้งร่างติดเข้าหากัน  
Portus (พอร์ตัส) – ทำให้สิ่งของกลายเป็นกุญแจนำทาง  
Prior Incantato (ไพรออร์ อินคานตาโต้) – เป็นการทำให้ไม้กายสิทธิ์เชื่อมต่อกัน ทำให้เกิดผลสะท้อนของคาถา และเมื่อไหร่ที่ไม้กายสิทธิ์ที่แกนกลางทำมาจาก!ตัวเดียวกัน อย่างเช่นไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่และโวลเดอร์มอร์ที่ทำมาจากขนของฟอกช์เหมือน กัน หากไม้สองไม้ทำการสู้กันเองจะทำให้เกิดผลที่แปลกพิศดารมาก คือ ไม้กายสิทธิ์อันหนึ่งจะบังคับให้อีกอันคายคาถาที่เคยใช้ไปก่อนหน้านั้นออกมา ย้อนหลังขึ้นไปเรื่อยๆ  


--------------------------------------------------------------------
 
Q  

Quietus (ไควเอตตัส) – เป็นคาถาต่อเนื่องจากคาถา “โซโนรัส” โดยคาถานี้จะทำให้เสียงกลับไปเป็นปกติ  


--------------------------------------------------------------------


R  

Reducio (เรดูซิโอ) – เสกเพื่อทำให้สิ่งของที่ถูกขยายด้วยคาถา “เอ็นกอร์จิโอ” กลับมาอยู่ในสภาพปกติ  
Reducto (รีดัคโต)– เสกให้สิ่งของแยกจากกันทำให้เกิดเป็นทาง  
Reparo (เรปาโร)– ทำให้สิ่งของกลับคืนในสภาพดีเหมือนเดิม  
Rictusempra (ริกตัสเซมปรา) – เมื่อเสกจะมีแสงสีเงินพุ่งออกมาจากปลายไม้ หากพุ่งไปถูกร่างกายจะทำให้จุกจนตัวงอและหายใจหอบ  
Ridilus (ริคดิคูลัส) – คาถาไล่บ็อกการ์ต คาถานี้ต้องการพลังจิตที่เข้มแข็งช่วยการจัดการกับบ็อกการต์ให้อยูหมัดก็คือ เสียงหัวเราะ สิ่งที่ต้องทำก็คือพยายามบังคับให้มันอยู่ในร่างที่เห็นแล้วตลก  


--------------------------------------------------------------------
 


S  
Scourgify (สกอร์จิฟาย) – ทำให้สิ่งที่เสกสะอาด  
Serpensortia (เซอร์เฟนซอร์เทีย) – เมื่อร่ายคาถานี้จะเกิดระเบิดขึ้นที่ปลายไม้ และจากนั้นจะมีงูตัวใหญ่พุ่งออกมาจากปลายไม้  
Sonorus (โซโนรัส) – ช่วยทำให้เสียงดังขึ้นจากปกติเหมือนพูดใส่ไมค์  
Stupefy (สตูเปฟาย) – คาถาสะกดนิ่ง เมื่อเสกจะเกิดละแสงสีแดงเพลิงพุ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ ทำให้ผู้ที่โดนคาถานี้สะกดนิ่งขยับไปไหนไม่ได้  


--------------------------------------------------------------------
    

 

Tarantallegra (ทารันทัลเลกร้า) – ผู้ที่ถูกคาถานี้จะมีอาการเต้นอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดโดยที่ไม่สามารถควบคุม ได้  


--------------------------------------------------------------------
 

 

Waddiwasi (วาดดิวาซี่) – คาถานี้จะทำให้ก้อนหมากฝรั่งพุ่งออกจากรูกุญแจด้วยความเร็ว  
Wingadium Leviosa (วิงการ์เดียม เลวีโอซ่า) – ทำให้สิ่งของลอยขึ้น 

ผู้พิทักษ์ของแต่ละตัวละครในแฮร์รี่พอตเตอร์

ผู้พิทักษ์ของแต่ละตัวละครในแฮร์รี่พอตเตอร์

 แฮร์รี่ พอตเตอร์: กวางตัวผู้  
รอน วีสลีย์: สุนัขเทอร์เรีย
เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์:
นาก
ลูน่า เลิฟกู๊ด:
กระต่ายป่า
เออร์นี่ มักมิลลัน:
หมูป่า
เชมัส ฟินนิกัน:
สุนัขจิ้งจอก
อัลบัส ดิมเบิลดอร์:
นกฟีนิกซ์
อาเบอร์ฟอร์ท ดัมเบิลดอร์:
แพะ
มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล:
แมวลาย กรอบแว่น 3 ตัว
เซเวอร์รัส สเนป:
กวางตัวเมีย
เจมส์ พอตเตอร์:
กวางตัวผู้
ลิลี่ พอตเตอร์:
กวางตัวเมีย
ซีเรียส แบล็ก:
สุนัขใหญ่
ลอร์ด โวลเดอร์มอร์:
ไม่ มี ผู้พิทักษ์ เพราะ เขาไม่ต้องพิทักษ์อะไรทั้งสิ้น สิ่งที่รู้จักคือ การแย่งชิง ฆ่า ทำลาย เท่านั้น คาถาที่ใช้ได้เก่งที่สุดคือ คำสาปพิฆาต

แอนิเมจัส


แอนิเมจัส



      แอนนิเมจัส (ภาษาอังกฤษ: Animagus หรือ Animagi) ในเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ คือพ่อมดหรือแม่มดที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ได้เช่น กวาง กริม หนู เป็นต้น ต่างจาก มนุษย์หมาป่า เช่น รีมัส ลูปิน
โดยปรกติผู้ที่จะเป็นแอนิเมจัส ต้องขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องเป็นทางการกับ กระทรวงเวทย์มนต์ แต่มีพ่อมดแม่มดจำนวนไม่น้อยที่แอบเลี่ยงการขึ้นทะเบียนกับ กระทรวงเวทย์มนต์ เช่น เจมส์ พอตเตอร์, ริต้า สกีตเตอร์ เป็นต้น


แอนิเมจัส เป็น เอกพจน์
แอนิเมไจ เป็น พหูพจน์


คนที่เป็นแอนนิเมจัสในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์
    • เจมส์ พอตเตอร์ (พ่อของ แฮร์รี่ พอตเตอร์) สามารถแปลงร่างเป็นกวาง จึงมีฉายาว่า เขาแหลม เป็นแอนนิเมจัสที่ไม่ได้ลงทะเบียน
    • ซิเรียส แบล็ก สามารถแปลงเป็นสุนัข จึงมีฉายาว่า เท้าปุย เป็นแอนนิเมจัสที่ไม่ได้ลงทะเบียน
    • ปีเตอร์ เพ็ตตริกรู สามารถแปลงเป็นหนู จึงมีฉายาว่า หางหนอน เป็นแอนนิเมจัสที่ไม่ได้ลงทะเบียน
    • มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล สามารถแปลงร่างเป็นแมว เป็นแอนนิเมจัสที่ลงทะเบียนแล้ว
    • ริต้า สกีตเตอร์ สามารถแปลงร่างเป็นแมลงปีกแข็ง เป็นแอนนิเมจัสที่ไม่ได้ลงทะเบียน

เกร็ดความรู้แฮร์รี่พอตเตอร์

เกร็ดความรู้แฮร์รี่พอตเตอร์

      1. ทำไมวิญญาณเฟร็ดถึงไม่ได้มาปรากฏตัวในป่า ? คุณรู้อะไรไหม ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องเฟร็ดกลับมาเลยนะ ฉันวางแผนจะให้เหล่าตัวกวนและลิลี่กลับมามาตลอดตั้งแต่เล่มแรกจบ รุ่นก่อนมีพวกเขากันอยู่สี่คนและพวกเขาก็ถูกหักหลังโดยหนึ่งในพวกเขาเองก็ เลยเหลือแค่สาม ดังนั้นฉันจึงอยากให้แฮร์รี่ถูกรอบล้อมไปด้วยแม่ของเขา เจมส์ ซีเรียส และลูปิน ซึ่งทั้งหมดนั้นตายเพื่อเขา คุณก็รู้ ลูปินตายในสงคราม เขาไม่จำเป็นที่จะต้องกลับมาต่อสู้เลยด้วยซ้ำ เจมส์ตายเพราะพยายามที่จะปกป้องครอบครัว และซีเรียสก็เสียชีวิตเพราะต่อสู้เคียงข้างแฮร์รี่ และแม่ของเขาเองที่ตายเพื่อเขาโดยเฉพาะ ฉันก็เลยไม่เคยคิดถึงเรื่องการพาเฟร็ดกลับมา ที่กลับมาก็มีแต่รุ่นที่แล้วทั้งนั้นซึ่งทุกคนล้วนเป็นแต่พ่อแม่และผู้ปก ครองของแฮร์รี่ 2. แฮร์รี่ได้ตายหรือเปล่า ? โรว์ลิ่งเขียนคำตอบนี้อย่างระมัดระวัง เพราะคำถามนี้อาจหมายความว่า 'แฮร์รี่เพียงแค่ไม่มีสติแล้วจิตใต้สำนึกของเขาได้ให้คำตอบทุกๆอย่างแก่เขา รึเปล่า?' เพราะดัมเบิลดอร์ไม่ได้บอกอะไรแฮร์รี่ที่ตัวเขาเองจะไม่สามารถตอบได้ถ้าเขา คิดดูดีๆ' ในความคิดของเจเคโรว์ลิ่ง แฮร์รี่ไม่ได้ตายหากแต่เขานั้นได้เข้าไปในช่องแบ่งระหว่างการมีชีวิตและความ ตาย เขาเพียงต้องเลือกว่าเขาจะเลือกไปทางไหน โดยเธอได้อธิบายในเว็บไซต์ของเธอว่า การที่แฮร์รี่ไปพบเจอกับดัมเบิลดอร์ที่คิงส์ครอสนั้นใช้กฏของเวทมนต์ที่น่า สับสนมาก ซึ่งโวลเดอร์มอร์ทเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ "การที่โวลเดอมอร์ใช้เลือดของแฮร์รี่ในการกลับมานั้น ทำให้เกราะปกป้องที่ลิลี่ทิ้งไว้แฮร์รี่นั้นยังคงมีอานุภาพอยู่ หากแต่ว่าอำนาจของการเสียสละชีวิตของลิลี่นั้นส่งผลให้แฮร์รี่สามารถมี สัมผัสกับชีวิตได้ในยามที่เขาโดนโวลเดอร์มอร์ทฆ่าและอำน าจนั้นก็ให้โอกาสสุดท้ายกับโวลเดอร์มอร์ คือโวลเดอมอร์นำสิ่งดีๆจำนวนนึงเข้าไปในร่างกายของเขาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเขาคิดจะกลับเนื้อกลับตัวล่ะก็เขาจะสามารถคืนดีได้เกินคาดเดาเสียอีก แต่แน่นอน เขาปฏิเสธที่จะสำนึกผิด "และเพราะว่าโวลเดอมอร์นั้นใช้ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ซึ่งความจริงแล้วเป็นของแฮร์รี่ ดังนั้นทั้งคำสาปกรีดแทงและคำสาปพิฆาตก็ไม่ได้เป็นผลสำเร็จ "แต่คำสาป อวาดา เคดาฟรา นั้นมีอำนาจมากพอที่จำทำให้แฮร์รี่เจ็บตัวได้ และก็ฆ่าส่วนหนึ่งของเขาที่ไม่ใช่เขาได้สำเร็จ ส่วนที่ว่าก็คือชิ้นส่วนของวิญญาณของโวลเดอมอร์นั่นเอง คำสาปก็ยังทำร้ายแฮร์รี่มากพอที่จะสามารถทำให้เขาสามารถตายได้ถ้าหากเขา เลือกที่จะตาย" 3. คำถามที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ 'ตัวประหลาดที่อยู่ในบทคิงส์ครอสคืออะไร' ? แรงดลใจของแฮร์รี่ก็คือการช่วยชีวิต แม้ว่าจะอยู่ในจุดที่ไร้สติสัมปะชัญญะก็ตามแต่ ธรรมชาติของเขาคือการช่วยเหลือคนอื่นแม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องก็ตามที 'ฉันจะต้องช่วยเขา ฉันจะต้องพยายามที่จะปกป้องทุกคน' นี่เป็นเพราะว่าแฮร์รี่จมอยู่กับเรื่องที่แม่ของเขาเสียสละเพื่อช่วยชีวิต เขาไว้ เขาก็เลยพยายามที่จะช่วยชีวิตผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่าการเผชิญหน้ากับโวลเดอร์มอร์ทครั้งนี้นั้นต่างจากคราวก่อน "เป็นครั้งแรกที่การพบเจอสัตว์ปะหลาดตัวนี้ที่ดูอ่อนแอ บอบบางและแปลกปะหลาด ทำให้แฮร์รี่รู้สึกขยะแขยงแม้ว่าเขาก็อยากช่วย แต่ก็ถูกต้องที่สุดแล้วที่เขารู้สึกอย่างนั้น เพราะนี่คือชิ้นส่วนวิญญานของโวลเดอมอร์ ฉันจำเป็นต้องอธิบายเพราะว่าหลายคนมากที่ถามฉัน" 4 .คำถามที่เธอกลัวก็โดนถามคือ 'ไม้กายสิทธิ์ของดัมเบิลดอร์ทำจากอะไร' ? "นั่นคงเป็นคำถามที่อธิบายอะไรได้เยอะเลย เพราะว่าฉันคิดเรื่องไม้เอลเดอร์ไว้นานแล้ว ในตำนานเอลเดอร์คือต้นไม้แห่งความตาย ฉันก็เลยคิดว่า 'ฉันจะตอบยังไงดี' มันจะใบ้อะไรได้เยอะเลย แต่อย่างว่า ไม่เคยมีใครถาม สรุปคือ เจเคยังไม่อยากตอบคำถามนี้นัก 5. ดัมเบิลดอร์เห็นอะไรในกระจกแห่งเอริเซด ? ครอบครัวของเขาที่มีชีวิตและอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา 6. พ่อมดแม่มดไปไหนกันก่อนที่พวกเขาจะเข้าโรงเรียน ? ส่วนมากถูกสอนอยู่ที่บ้าน เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมอำนาจของตัวเองได้ดังนั้นมันจะอันตรายมากหาก ปล่อยพวกเขาออกไปเตร่ข้างนอก 7. แฮร์รี่กับโวลเดอร์มอร์เป็นญาติกันหรือเปล่า ? ใช่ค่ะ แต่ก็ญาติห่างๆ ติดต่อกันทางตระกูล Peverell แต่ส่วนมากแล้วครอบครัวพ่อมดก็เป็นญาติกันทั้งนั้นถ้าคุณย้อนกลับไปหลายๆรุ่น 8. เดรโก มัลฟอย แต่งงานกับใครกัน ? Astoria Greengrass น้องสาวคนสุดท้องในครอบครัวกรีนกราส เราพบแดฟนี่ กรีนกราส ที่เป็นเพื่อนอยู่ในกลุ่มแพนซี่ พาร์กินสัน ในเล่มห้าตอนที่เฮอร์ไมโอนี่ไปสอบ ว.พ.ร.ส. ส่วนเนวิลล์นั้นแต่งงานกับ แฮนนาห์ อับบอต ซึ่งกลายเป็นเจ้าของร้านหม้อใหญ่รั่ว "ฉันคิดเรื่องพวกนี้ไว้ในหัวหมดแล้ว ฉันช่วยไม่ได้จริงๆ" 9. ตัวละครหลักๆ ทำงานที่ไหนเมื่อโตกันแล้ว ? แฮร์รี่ กับ รอน ไปทำงานเป็นมือปราบมารที่กระทรวง ทั้งคู่ทำได้ดีทีเดียว รอนยังปลีกเวลาไปช่วยงานจอร์จที่ร้านเกมกลวิเศษด้วย ภายหลังแฮร์รี่ได้เลื่อนเป็นหัวหน้าสำนักงานมือปราบมาร เฮอร์ไมโอนี่กลับไปเรียนปี 7 ใหม่ร่วมกับจินนี่และลูน่า หลังเรียนจบเธอไปทำงานที่กระทรวงในสำนักงานออกระเบียบและควบคุมสัตว์วิเศษ เธอรณรงค์จนสามารถออกกฏหมายเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ของเอลฟ์ประจำบ้านให้ดีขึ้นได้ หลังจากนั้นเธอย้ายไปทำงานในสำนักงานบังคับใช้กฏหมายเวทมนต์ด้วยตำแหน่งที่สูงขึ้น ส่วนจินนี่ไปเป็นนักกีฬาควิชดิชอาชีพให้กับทีมควิชดิชหญิงล้วนโฮลี่เฮดฮาปี้และสามารถติดทีมชาติอังกฤษด้วย หลังจากเป็นนักควิชดิชอาชีพอยู่หลายปี ก็แขวนไม้กวาดแล้วไปทำงานเป็นนักข่าวอาวุโสสายควิชดิชให้กับเดลี่พรอเฟ็ต ลูน่า ทำงานเป็นนักธรรมชาติวิทยา เธอออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาสัตว์และพืชแปลกๆหายาก เธอสามารถค้นพบและจัดลำดับสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ๆหลายชนิด กลายเป็นนักธรรมชาติวิทยามีชื่อเสียง (แต่ไม่เคยพบสนอร์แค็ก) ภายหลังแต่งงานกับเพื่อนนักธรรมชาติวิทยา ราล์ฟ หลานชายของ นิวท์ สคาแมนเดอร์ (ผู้แต่ง สัตว์มหัศจรย์และถิ่นที่อยู่) ไม่ทราบว่าหลังเรียนจบ เนวิลล์ ทำงานอะไรหลังจบ รู้อีกทีก็ไปเป็นอาจารย์สอนวิชาสมุนไพรศาสตร์ที่ฮอกวอตส์ ก่อนนั้นเขาพักที่ร้านหม้อใหญ่รั่ว และได้แต่งงานกับ แฮนน่า แอบบอทท์ เพื่อนร่วมชั้นปีจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟ ซึ่งได้เป็นเจ้าของร้านหม้อใหญ่รั่วคนใหม่ ไม่ทราบว่า เดรโก ทำงานอะไร เขาแต่งงานกับ แอสโตเรีย กรีนกราส น้องสาวของ แดฟนี่ (เพื่อนร่วมชั้นกลุ่มเดียวกับแพนซี่ พาร์กินสัน แดฟนี่มีชื่อปรากฏในหนังสือครั้งเดียวตอนสอบ ส.พ.ร.ส. ในเล่ม 5) ยังไม่มีข้อมูลของ โช แชง มากนัก ทราบเพียงว่าเธอแต่งงานกับมักเกิ้ลคนหนึ่ง 10. เท็ดดี้ ลูปิน เป็นมนุษย์หมาป่าหรือปล่า ? ไม่ค่ะ เขาเป็น เมตามอร์ฟเมกัส เหมือนแม่ (ซึ่งที่จริงแล้วเคยอยู่ในบ้านฮัฟเฟิลพัฟ) 11. 3 สหายมีเพียง เฮอร์ไมโอนี่ คนเดียวที่กลับไปเรียนซ้ำชั้นปี 7 ที่ฮอกวอตส์ใหม่อีกครั้ง เพื่อจะเอา ส.พ.บ.ส. (ที่จริงเธอไม่ต้องเรียนก็ได้เหมือน แฮร์รี่ กับ รอน แต่คนอย่างเธอ คงทนไม่ได้ที่ตัวเองไม่ได้จบฮอกวอตส์ โดยที่ไม่ได้ผ่านปี 7 เหมือนคนอื่นเขา) ดังนั้นเธอจึงกลับไปเรียนชั้นเดียวกันกับ จินนี่ และ ลูน่า - อัมบริดจ์โดนจับในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อพวกที่มีสายเลือดมักเกิ้ล ถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกคุมขังอยู่ในอัสคาบัน
    12. ลายมือ J.K.R. แผนผังตระกูลวีสลีย์ ตั้งแต่จบเล่ม 7 รวมถึง เดรโก และ ลูน่า เราจะพบ ชื่อของตัวละครที่เราไม่ได้พบในหนังสือ เช่น - ลูกของแฮร์รี่- เจมส์ มีชื่อกลาง ซิเรียส, ส่วน ลิลี่ มีชื่อกลาง ลูน่า (แฮร์รี่ซึ้งความเป็นเพื่อนของลูน่า) - เดรโก แต่งกับ แอสโตเรีย ลูกของเขา- สกอเปี้ยน (แปลว่าแมงป่อง พ้องกับชื่อพ่อซะกระไร) มีชื่อกลาง ไฮเปอร์เรียน - ลูน่า มีลูก 2 คน - บิล กับ เฟลอร์ มีลูก 3 คน - จอร์จ มีลูก 2 คน ชื่อ เฟร็ด (แน่นอนตั้งตามฝาแฝด), โรซาน - เพอร์ซี่ มีลูก 2 คน ชื่อ มอลลี่, ลูซี่ 13.อีกเรื่องสำคัญมาก ลืมไปได้ไงขออภัย คือว่า ตอนเจ๊เคให้สัมภาษณ์ มีแฟนนิยายคนหนึ่งถามว่า "ดัมเบิลดอร์เป็นเกย์หรือเปล่า?" เจ๊แกบอก "ใช่ค่ะ!" เฮ้ย อึ่งกันทั่วโลกครับ ประเด็นนี้มีบทความใน'เน็ตวิเคราะห์กันมาก่อน เป็นที่ระแคะระคายซุบซิบแล้ว เช่น ทำไมไม่เห็นกล่าวถึงความรักของเขาเลย ฯลฯ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ซีเรียส (อาจเพราะบางคนมองมักกอลนากัลไว้ในใจ ผมเดานะ อิๆ) แต่ทว่ากระทั่งเจ๊แกมายอมรับหน้าตาเฉยเอง หลังจากนั้นก็ บู้ม (เกิดเป็นโกโก้ครั้น เย้ยม่ายช่าย อิๆ) เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันระงม พอหนักเข้า เจ๊แกก็ทำนองว่า แหมมันสิทธิของฉันนะย๊ะ (สำเนียงนี้ผมตอกไข่นิดๆ อิๆ) 14. ถ้านำเอาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้ มาวางเรียงต่อกัน จะสามาระวางรอบโลกได้ 1.6 รอบตามเส้นศูนย์สูตร 15. ถ้าเอาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้มาวางเรียงต่อกันแบบพื้นที่ จะคลอบคลุมพื้นที่สนามฟุตบอลได้ถึง 1,200 สนาม หรือ สามารถคลอบคุลมประเทศ โนนาโค ได้ 4.4 ครั้ง 16. จำนวนหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้ มีจำนวนมากกว่าประชากรทั้งหมดของประเทศ สหรัฐอเมริกา หรือ มากกว่า 295 เล่มนั่นเอง 17. วันแรกที่ขายหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม ที่ประเทศอังกฤษ สามารถขายได้เร็วถึง 23 เล่มต่อวินาที 18. ถ้าเอาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่วางขายได้ในวันแรก เฉพาะประเทศอังกฤษมาตั้งซ้อนกัน จะสูงกว่าเทือกเขา เอเวอเรสต์ 11 เท่า หรือ มากกว่า 97,289 เมตร หรือ 319187 ฟุต สูงจากระดับน้ำทะเล 19. ถ้านำหนังสือทุกเล่มของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่วางขายได้ มาเรียนต่อกันเป็นเส้นตรง และ เดินตามเส้นนั้น คนเราจะต้องใช้เวลาเดินกว่า 1.5 ปี หรือ ถ้าใช้รถแข่ง ฟอร์มูล่า 1 ( วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ) จะใช้เวลากว่า 7 วันเลยทีเดียว 20. ตั้งแต่ตีพิมพ์หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 1 ครั้งแรก หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ขายได้ด้วยความเร็ว 90,000 เล่มต่อวัน จำนวนหนังสือที่ขายได้นี้ เท่ากับจำนวนของที่นั่งในสนามฟุตบอล เวมบลี ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ ด้วยความเร็วนี้จะมีคนซื้อ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เพิ่มไปแล้วอีก 15 เล่มในระยะเวลาที่คุณอ่านข้อเท็จจริงนี้ 21. หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้มีน้ำหนักเท่ากับช้างแอฟริกัน 25,000 ตัว , มังกรโคโมโด 2 ล้านตัว หรือ นกฮูกหิมะ 70 ล้านตัว 22. จำนวนหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้นี้ มีมากกว่าจำนวนหนังสือในห้องสมุดแห่งชาติ ของประเทศอังกฤษ ถึง 13 เท่า 23. ถ้าเอาคำทุกคำของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้ จัดสรรให้ทุกคนในโลกนี้ แต่ละคนจะมี 8,000 คำประจำตัว 24. คนหนึ่งคนต้องใช้เวลา 2,600 ปี ในการอ่านหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม ทุกเล่มที่ขายได้ในวันแรกที่วางตลาด เฉพาะในอังกฤษเท่านั้น ไม่รวมยอดขายทั่วโลก 25. การอ่านหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มใหม่ หรือ Harry Potter and the Deathly Hallows สามารถเผาพลานพลังงานเทียบเท่ากับซ๊อกโกแลต 4 แท่ง 26. คำพูดของ เจสัน คอกครอฟท์ นักวาดภาพปกหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ และ เจ้าชายเลือดผสม " ผมจำได้ว่าตอนที่มีคนมาขอให้ผมวาดภาพปกหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ ตอนนั้น ผมกำลังยุ่งมากกับการวาดภาพหนังสือนิทานหลายเล่ม ผมปิดห้อง แล้วก็ทำงานโดยไม่รับโทรศัพท์อะไรทั้งนั้น ยูนิส แมคมัลแลน เอเยนต์ของผม ฝากข้อความด่วนในโทรศัพท์ของผมว่า มีคนจ้างผมวาดภาพปกหนังสือเล่มหนึ่ง และ ผมควรจะอยู่ทำสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ทั้งหมด เดี๋ยวนี้!! นั้นเพราะว่า + คุณต้องการงานนนี้แน่นอน + วงการหนังสือเยาวชนมีงานที่น่าสนใจมากมาย แต่เมื่อเอเยนต์ของคุณสั่งให้หยุดทำงานอื่นๆ เพื่อโทรหาเธอเดี๋ยวนี้ คุณคงจะพอรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร ตอนแรกผมรู้สึกตื่นเต้น และ ประมาณสามสิบวินาที ผมก็เริ่มรู้สึกตัวใหม่ " " ถึงแม้ผมจะรู้ว่าสำนักพิมพ์หลายแห่ง และ ผู้เขียน JK.Rownlig ชอบปกของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม มากก็ตาม ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะได้วาดภาพปกของเล่มสุดท้ายหรือไม่? ผมเคยคิดว่าทาง สำนักพิมพ์อาจต้องการให้ปกเล่มสุดท้ายมีพลังเป็นพิเศษ โดยไม่ใช่ภาพวาดอะไรเลย แต่ใช้เพียงรูปสัญลักษณ์ แต่ท้ายที่สุด ผมก็รู้สึกดีใจ และ ภูมิใจมากที่ได้รับเลือกให้วาดภาพปกของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มสุดท้าย!" " ผมพูดได้เลยว่าการวาดภาพปกของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นงานที่สนุกที่สุดตั้งแต่ผมเป็นนักวาดภาพประกอบมาเลย โอกาศดีๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ( ถึงจะเป็นส่วนเล็กๆก็ตาม ) ของโปรเจคที่มีคนชื่นชอบมากขนาดนี้ และ มีความสำคัญทางวัฒนธรรมอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ มันไม่ได้มาง่ายๆ และ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจกับโอกาศนี้มากครับ !"

มังกรพันธุ์ต่างๆ

มังกรพันธุ์ต่างๆ



      มังกรอาจจะเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ว่าได้ และก็เป็นสัตว์จำพวกที่ปกปิด จากสาตามักเกิ้ลยากที่สุดด้วย มังกรตัวเมียส่วนมากจะมีขนาด ใหญ่กว่าและ ดุร้ายกว่าตัวผู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นมังกรเพศไหนก็ไม่ควรเข้าใกล้ ยกเว้นพ่อมด ที่เก่งกาจและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเท่านั้น หนัง เลือด หัวใจ ตับ และเขามังกร ส้วนมีคุณสมบัติทางเวทย์มนต์สูง แต่ไข่มังกรก็จัดอยู่ในสินค้าห้ามซื้อขาย มังกรมี อยู่สิบสายพันธุ์ที่หายากแต่บางครั้งก็มีการผสมข้ามพันธุ์ที่หายากขึ้นมาได้ มังกรสายพันธุ์แท้มีดังต่อไปนี้


1. จีนลูกไฟ (chinese fireball)
เป็นมังกรเอเชียเพียงพันธุ์เดียว และมีรูปร่างที่แปลกแตกต่างจากพันธุ์อื่น ๆ เกล็ดเรียบสีม่วง รอบใบหน้าที่สั้นและย่นมีระบายรรีบสีทองล้อมประดับไว้ดวงตาโปนโต เปลวไฟรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่มันพ่นออกมาในยามโกรธเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ ลูกไฟ น้ำหนักอยู่ระหว่าง2-4ตัน ตัวเมียจะใหญ่กว่าตัวผู้ ไข่เป็นสีทับทิมสดมีจุดสีทองเปลือกไข่มีค่าเพระนำไปใช้ประกอบเวทย์มนต์แบบ จีนได้พันธุ์ลูกไฟมีนิสัยดุร้าย แต่มีความอดทนต่อมังกรสายพันธุ์เดียวกันสูงมากกว่ามังกรส่วนใหญ่ บางครั้งถึงกับยอมใช้อาณาเขตร่วมกันตัวอื่นถึง2ตัวพันธุ์จีนลูกไฟกินสัตว์ เลี้ยงลูก ด้วยนมเป็นหลัก แม้ว่าจะชอบกินหมูหรือมนุษย์มากกว่าก็ตาม



2. นอร์เวย์หลังเป็นสัน (Norwegian Ridgeback)
นอร์เวย์หลังเป็นสันมีความคล้ายคลึงกันมังกรพันธุ์ฮังการีหางหนามในหลาย ๆ ด้าน แต่แทนที่จะมีหนามแหลมที่หาง มันจะมีสันสีดำสนิทยื่นออกมาจากหลังแทน พันธุ์หลังเป็นสันจะดุร้ายกับพันธุ์เดียวกันมากเป็นพิเศษทุกวันนี้มันจัด เป็นหนึ่ง ในสายพันธุ์มังกรที่หายากขึ้นทุกที มันเคยโจมตีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนดินมาแล้ว แทบทุกชนิดและที่ต่างจากมังกรทั่วไปคือ มันกินสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำด้วย รายงานที่ปราศจากหลักฐานระบุว่า มังกรพันธุ์นี้เคยโฉบเอาลูกปลาวาฬไปจากชายหาดแห่งหนึ่งในนอร์เวย์เมื่อปี ค.ศ.1802 ไข่ของพันธุ์หลังเป็นสันแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ นักโทษแห่งอัสคาบันมีสีดำ และตัวอ่อนจะพัฒนาความสามารถในการพ่นไฟได้เร็วกว่าพันธุ์อื่น (ระหว่างหนึ่งถึงสามเดือนเท่านั้น)


3. เพรูเวียน ไวเปอร์ทูท (Peruvian Vipertooth)
หรือเปรูเขี้ยวพิษ เป็นมังกรพันธุ์เล็กที่สุด และบินได้เร็วที่สุด ความยาวอยู่ราว ๆ สิบห้าฟุต เกล็ดเรียบสีทองแดง และมีสันสีดำ เขาสั้น เขี้ยวมีพิษร้ายแรง พันธุ์เขี้ยวพิษโปรดปรานแพะและวัวแต่ก็ชื่นชอบรสเนื้อมนุษย์ด้วย จนสมาพันธ์พ่อมดนานาชาติจำเป็นต้องส่งผู้ควบคุมไปลดประมาณของ พันธุ์เขี้ยวพิษเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นปริมาณของมักรนี้ ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ


4. ยูเครเนียน ไอรอนเบลลี (Ukrainian Ironbelly)
รือยูเครนกระเพาะเหล็ก เป็นมังกรพันธุ์ใหญ่ที่สุด น้ำหนักมากที่สุดถึง 6ตัน ตัวกลมป้อม บินได้ช้ากว่าพันธุ์เขี้ยวพิษและพันธุ์โรมาเนียเขายาว อย่างไรก็ตาม พันธุ์กระเพาะเหล็กมีอันตรายมากมันทำลายให้บ้านเรือนเรียบเป็นหน้ากลองได้ เกล็ดสีเทาเป็นมัน ตาสีแดงเข้ม กรงเล็บยาวและแหลมคมมาก มังกรพันธุ์กระเพาะเหล็กถูกเจ้าหน้าที่พ่อมดยูเครนจับตาดูอย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่มีตัวหนึ่งโฉบไปหิ้วเรือใบ (โชคดีที่ว่างเปล่า) ที่ทะเลดำในปี ค.ศ.1799



5. โรมาเนียน ลองฮอร์น (Romanian Longhorn)
หรือโรมาเนียเขายาว มีเกล็ดสีเขียวดำเขาสีทองเป็นประกาย ซึ่งมันจะใช้เสียบเหยื่อย่างไฟของเขามันเมื่อเอาไปป่นเป็นผงแล้วมีค่ามาก ใช้เป็นเครื่องปรุงยาได้ ปัจจุบันนี้ดินแดนแหล่งกำเนิดของพันธุ์โรมาเนียเขายาว ได้กลายเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์มังกรที่สำคัญที่สุดในโลก ซึ่งพ่อมดทุกสัญขาติ ได้ศึกษามังกรพันธุ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด พันธุ์เขายาวถูกจัดอยู่ในโครงการ เพาะพันธุ์เร่งด่วนด้วย เนื่องจากจำนวนของมันลดต่ำลงในช่วงสองสามปีที่ ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเพราะการซื้อขายเขาของมัน ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นสินค้าซื้อขายได้


6. เวลส์สีเขียวธรรมดา (Common Welsh Green)
พันธุ์เวลส์สีเขียวนั้นสีกลมกลืนกับหญ้าเขียวสดที่บ้านเกิดของพวกมันเป็น อย่างดี มักจะทำรังอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งกำหนดไว้เป้นเขตอนุรักษ์เพื่อให้มันอยู่อาศัยถ้าไม่นับเหตุการณ์ที่ อิลฟราคอมบ์ สายพันธุ์นี้ก็จัดอยู่ในประเภทที่สร้างปัญหาน้อยที่สุด มันชอบกินแกะเป็นอาหาร และจะหลีกเลี่ยงจากมนุษย์ ยกเว้นเมื่อถูกรบกวน พันธุ์เวลส์สีเขียวมีเสียงคำรามที่สูง ๆ ต่ำ ๆ เหมือนดนตรีอย่างน่าประหลาด และเป็นเสียงที่จดจำได้ง่าย มันจะพ่นไฟเป็นลำบาง ๆ ไข่เป็นสีน้ำตาลหม่น ๆ มีจุดสีเขียว


7. สวีเดนจมูกสั้น (Swedish Short-Snout)
เป็นมังกรสีฟ้าเหลือบเงินแสนสวย คนมักเอาหนังของมันมาทำถุงมือและโล่ เปลวไฟที่พ่นออกมาเป็นสีฟ้าใส ซึ่งเผาผลาญไม้และ กระดูกเป็นเถ้าถ่าน ได้ภายในไม่กี่วินาที พันธุ์จมูกสั้นฆ่ามนุษย์น้อยกว่ามังกรส่วนใหญ่ มันมักอาศัยอยู่ตามป่าและบริเวณภูเขาที่ไม่ทีคนอาศัยอยู่ จึงไม่มีวีรกรรมมากนัก




8. แอนตี้โพเดี้ยน โอเพิลอาย (Antipodean Opaleye)
หรือแอนติโพเดี้ยนตาสีรุ้ง มีถิ่นกำเนิดในนิวซีแลนด์ แต่ต่อมาก็อพยพไปอยู่ออสเตรเลียเนื่องจากที่อยู่ในบ้านเกิดเริ่มจำกัด อาศัยอยู่ในหุบเขามากกว่าตามภูเขา ซึ่งแตกต่างจากมังกรทั่ว มังกรพันธุ์นี้มีขนาดกลาง(น้ำหนักระหว่าง 2-3 ตัน)
ตาสีรุ้งอาจจะเป็นมังกรพันธุ์ที่สวยงามที่สุดก็เป็นได้ มีเกล็ดมันวาวสีเหลืองรุ้ง และมีดวงตาหลากสีประกายปราศจากม่านตา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ มังกรพันธุ์นี้จะพ่นไฟสีม่วงเจิดจ้า ตามมาตรฐานมังกรถือว่าไม่ดุร้ายนัก ส่วนมากถ้าไม่หิวก็จะไม่ฆ่า อาหารโปรดคือแกะ แต่ก็เคยล่าเหยื่อที่ใหญ่กว่านั้น การฆ่าจิงโจ้ครั้งใหญ่ตอนปลายทศตวรรษที่ 1970 เป็นฝีมือของพันธุ์สีรุ้งตัวผู้ที่ถูกตัวเมียซึ่งมีอิทธิพลมากกว่าไล่ออกจาก บ้าน ไข่ขสองมันสีเทาซีดและมักเกิ้ลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมักเข้าใจผิดว่าเป็น ฟอสซิล



9.ฮังการีหางหนาม (Hungarian Horntail)
คาดว่าดุร้ายที่สุดในบรรดามังกรทุกสายพันธุ์ พันธุ์ฮังการีหางหนาม มีเกล็ดสีดำ และรูปร่างคล้ายกิ้งก่า ตาสีเหลือง เขาสีบรอนซ์ และตลอดหางอันยาว เหยียดของมัน ก็มีหนามแหลมสีบรอนซ์เช่นเดียวกัน พันธุ์หางหนามพ่นไฟได้ไกลที่สุด (ไกลสุดถึง 15 ฟุต) ไข่สีเทาเหมือนสีเมนต์และเปลือกแข็งมากตัวอ่อนจะเจาะเปลือกไข่ ออกมาโดยใช้หาง ซึ่งมีหนามแหลมติดตัวมาตั้งแต่เกิด พันธุ์ฮังการีหางหนามกินแพะ แกะ และถ้าเป็นไปได้ก็จะกินมนุษย์เป็นอาหาร



10.เฮบริเดี้ยนสีดำ (Hebridean Black)
มังกรท้องถิ่นของอังกฤษอีกสายพันธุ์หนึ่งซึ่งดุร้ายกว่าพันธุ์ เวลส์สีเขียวเพื่อนร่วมถิ่นมาก พันธุ์เฮบริเดี้ยนสีดำใช้พื้นที่อยู่อาศัยถึง 100 ตารางไมล์ต่อ1 ตัว มันยาวได้ถึก 30 ฟุต เกล็ดไม่เรียบตาสีม่วงสุกใส และ มีสันเตี้ย ๆ แต่คมกริบเรียงเป็นแถวตลอดแนวหลัง ปลายหางมีหนามใหญ่ลักษณะเหมือนลูกศรและมีปีกเหมือนค้างคาวเฮบริเดี้ยน สีดำกินกวางเป็นอาหารหลัก แต่ก็เคยบินโฉบเอาสุนัขตัวใหญ่หรือแม้แต่แม่วัวไปกิน ตระกูลพ่อมดแมกฟัสดี้ที่มีถิ่นพำนักอู่ในเฮบริดีซมานับศตวรรษรับหน้าที่ดูแล ควบคุมมังกรประจำถิ่นพันธุ์นี้เรื่อยมาจนเป็นประเพณี


กีฬาควิดดิช

กีฬาควิดดิช

 กีฬาควิดดิช เป็นเกมกีฬาที่ได้รับความนิยมมากในโลกเวทมนตร์ มีการกล่าวถึงครั้งแรกในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์ โดยถือว่าเป็นกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างบ้านพักนักเรียนแต่ละหลัง ซึ่งบ้านที่มักได้รับแชมป์ในการแข่งขัน คือ กริฟฟินดอร์

 ควิดดิช จะประกอบไปด้วยผู้เล่นแต่ละทีม
จำนวน 7 คน 4 ตำแหน่ง ได้แก่
3 เชสเซอร์ , 1 บีตเตอร์ , 1 คีปเปอร์ และ 1 ซีกเกอร์



มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่น คือ ลูกบอลจำนวน 4 ลูก ได้แก่
ควัฟเฟิล (ลูกสีแดง) จะใช้ในการทำแต้ม บลัดเจอร์ (ลูกสีดำ) จะใช้เพิ่มอุปสรรคให้กับผู้เล่น โดยจะสามารถชนกระแทกผู้เล่นให้ตกจากไม้กวาดได้ และ โกลเด้นสนิช (ลูกสีทองมีปีก) จะใช้ในการทำคะแนนสูงสุดถึง 150 แต้ม และ เมื่อจับได้จะถือว่าสิ้นสุดเกม โดยที่ฮอกวอตส์จะมีการแข่งขันควิดดิชระหว่างบ้านเป็นประจำทุกๆปี



นอกจากนี้กีฬาควิดดิชยังได้รับความนิชมแพร่หลายทั่วโลก ถือว่าเป็นกีฬาสุดฮิตของประชานชนผู้วิเศษ โดยมีการจัดการแข่งขัน Quidditch World Cup โดยแต่ละครั้งจะมีนักกีฬาจากหลากหลายประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ( ปรากฎในหนังสือเล่ม 4 ) และ นักกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้คือ วิกเตอร์ ครัม นักกีฬาทีมชาติบัลแกเรีย


กติกาการเล่น และ การทำคะแนน
ในกีฬาควิดดิชนั้น การทำคะแนนถือเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยผู้เล่นในตำแหน่ง เชสเซอร์ จะมีหน้าที่เลี้ยงลูกบอล ควัฟเฟิล ที่มีค่า 10 คะแนน เมื่อสามารถโยนเข้าห่วงใดห่วงหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ ซึ่งห่วงดังนั้นจะอยู่บนเสาสามเสาด้วยกัน ดังนั้นแต่ละฝ่ายจะมีห่วงถึง 3 ห่วงที่สามารถทำคะแนนได้ ทั้งนี้การปกป้องการทำประตู หรือ หน้าที่ผู้รักษาประตู จะเป็นหน้าที่ของ คีปเปอร์


ระหว่างการเล่นเกมนั้น

อุปสรรค ที่สามารถทำให้ผู้เล่นเกิดการบาดเจ็บได้มากที่สุดคือ ลูกบอลบลัดเจอร์ มีหน้าที่ชนกระแทกผู้เล่นให้ตกจากไม้กวาด ส่งผลให้ผู้เล่นในสนามลดลงได้หากเกิดการบาดเจ็บร้ายแรง ดังนั้นแต่ละทีจะมีตำแหน่ง บีตเตอร์ 2 คนเพื่อช่วยป้องกันสมาชิกในทีมจากลูกบอลบลัดเจอร์ ซึ่งบีตเตอร์แต่ละคนจะมีไม้จับถนัดมือสำหรับหวดบลัดเจอร์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์ในการทำร้ายฝั่งตรงข้ามได้โดยการหวดลูกบลัด เจอร์ ไปที่สมาชิกผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งถือว่าไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด


Quidditch Set Accessories by Tonner


สำหรับการทำคะแนนสูงสุดในเกมการแข่งขันสามารถทำได้ โดยการจับ ลูกโกลเด้นสนิช ที่มีคะแนนถึง 150 แต้ม โดยหน้าที่นี้จะเป็นหน้าที่ของตำแหน่ง ซีกเกอร์ ซึ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ได้รับตำแหน่งนี้ในทีม กริฟฟินดอร์ การแข่งขันจะสิ้นสุดเมื่อ ซีกเกอร์ จับลูกโกลเด้นสนิชได้เท่านั้น ทั้งนี้การจับลูกโกลเด้นสนิชไม่ได้การันตีว่าทีมที่จับได้จะชนะเสมอไป

ระเบียบข้อบังคับ
ระเบียบข้อบังคับเหล่านี้ ถูกกำหนดไว้โดยกองควบคุมดูแลเกม และ กีฬาเวทมนตร์ Snitch เมื่อการก่อตั้งกองขึ้นใน ค.ศ.1750 เพื่อนใช้เป็นเงื่อนไข และ กติกาในการแข่งขันกีฬาดวิดดิชสากล

สนามการแข่งขันเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 500 ฟุต กว้างประมาณ 180 ฟุต ตรงกลางมีวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ฟุต มีเขตทำคะแนนสำหรับ เชสเซอร์ ในเขตทำคะแนนมี ห่วงข้างละ 3 ห่วง แต่ละห่วงจะมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน

ระดับการบินแม้จะไม่มีการกำหนดว่าระดับความสูงใดๆถือว่าผิดกติกา แต่การบินนั้นต้องอยู่ในพื้นที่เขตสนาม หากฝ่ายใดออกนอกเขตสนามถือว่าผิดกติกา ต้องให้ลูกควัฟเฟิลกับฝ่ายตรงกันข้ามทันที

การขอเวลานอกสามารถกระทำได้โดยหัวหน้าทีม หรือ กัปตัน ส่งสัญญาณขอเวลานอกให้กรรมการได้รับทราบ การขอเวลานอกอาจะยืดได้มากถึง 2 ชั่วโมง

ห้ามเท้าของผู้แข่งขันทุกท่านแตะพื้นสนาม เว้นแต่ช่วงขอเวลานอกเท่านั้น ทั้งนี้ผู้แข่งขันสามารถไช้ไม้กวาดยี่ห้อใด , รุ่นใด , แบบใดก็ได้เข้าร่วมการแข่งขัน

ผู้แข่งขันสามารถแย่งลูกควัฟเฟิล จากมือของผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้เลย แต่ห้ามแตะต้องส่วนอื่นๆของร่ายกายที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้

ในกรณีผู้เข้าแข่งขันบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นต่อได้ การแข่งขันจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีการเปลี่นยนตัวเป็นผู้เล่นสำรอง

ผู้วิเศษทุกท่านสามารถนำไม้กายสิทธิ์ติดตัวเข้าไปในสนามกีฬาได้ แต่กระนั้นในช่วงที่อยู่ในสนาม ห้ามผู้วิเศษใช้ไม้กายสิทธิ์กับนักกีฬา , ไม้กวาดที่ใช้ในการแข่งขัน , กรรมการ , ลูกบอล และ คนดู

เกมการแข่งขันควิดดิช จะยุติได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถจับลูกโกลเด้นสนิชได้ หรือ อาจเป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของกัปตันทีมทั้ง 2 ฝ่าย

Quidditch : The Golden Snitch


ลักษณะการกระทำผิด
Blagging - การคว้าปลายไม้กวาดของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้บินได้ช้า หรือขัดขวางการเล่น
Blatching - ผู้แข่งขันตั้งใจบินไปชนอีกฝ่ายหนึ่งโดยตรง Blurting - ผู้แข่งขันใช้ไม้กวาดงัดไม้กวาดฝ่ายตรงข้าม ดันให้กระเด็นออกไปนอกทาง
Blumphing - บีตเตอร์หวดบลัดเจอร์ไปทางคนดู ทำให้ต้องหยุดการแข่งขันชั่วขณะ
Cobbing - ผู้แข่งขันใช้ข้อศอกอย่างรุนแรง กับ ฝ่ายตรงข้าม
Flacking - คีปเปอร์ยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายผ่านห่วงประตูเข้าไปเพื่อสกัดลูกควัฟเฟิล
Havesacking - เชสเซอร์จับลูกควัฟเฟิลเข้าประตูโดยตรง (การทำประตูต้องโยนเท่านั้น )
Quafflepocking - เชสเซอร์ ทำการดัดแปลงลูกควัฟเฟิล เพื่อส่งผลที่ปิดเพี้ยนไปจากเดิม
Snitchnip - ผู้แข่งขันคนอื่นนอกจากซีกเกอร์ ห้ามแตะต้องลูกสนิช
Stooging - เชสเซอร์มากกว่า 1 คน เข้าไปในเขตทำคะแนนไม่ได้


กีฬาควิดดิชในปัจจุบัน
กีฬาควิดดิชยังคงทำให้แฟนๆตื่นเต้นเร้าใจและคลั่งไคล้ไปทั่วโลกปัจจุบัน รับประกันได้ว่าคนที่ซื้อตั๋วดูการแข่งขันควิดดิชทุกคนจะได้เห็นการแข่งขัน ที่มีชั้นเชิงสูง ระหว่างผู้เล่นที่บินอย่างเชี่ยวชาญยิ่ง (แน่นอน ยกเว้นแต่ว่าจะจับลูกสนิชได้ในห้านาทีแรกของการแข่งขัน ถ้าเป็นเช่นนี้พวกเราทุกคนคงรู้สึกว่าถูกโกงหน่อยๆ เหมือนได้รับเงินทอนไม่ครบทำนองนั้น)


ไม่มีอะไรจะพิสูจน์ความดีเด่นของเกมควิดดิชได้ดีไป กว่าท่าเล่นยากๆ ที่บรรดาผู้เล่นพ่อมดแม่มดทั้งหลายสร้างสรรค์ขึ้นมาตลอดในประวัติศาสตร์อัน ยาวนานของกีฬานี้ พ่อมดแม่มดเหล่านี้กระตือรือร้นที่จะสร้างท่าเล่นยากๆ


เพื่อผลักดันผู้เล่นและกีฬานี้ให้ดีขึ้นเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ ต่อไปนี้คือ ท่าเล่นพิสดารบางทาที่ยกมาเป็นตัวอย่าง

บลัดเจอร์ แบ็กบีต (Bludger Backbeat)
เป็นท่าที่บีตเตอร์ตีลูกบลัดเจอร์ด้วยไม้ตีในท่าแบ็กแฮนด์ ส่งลูดบลัดเจอร์ลอยไปข้างหลังเขาหรือเธอ แทนที่จะไปข้างหน้า ท่านี้ตีให้เที่ยวตรงแม่นยำได้ยาก แต่ดีเลิศในแง่ทำให้คู่ต่อสู้งุนงง

ด๊อปเปิ้ลบีตเตอร์ ดีเฟนซ์ (Dopplebeater Defence)
บีตเตอร์ทั้งสองคนใช้แรงมากเป็นพิเศษตีลูกบลัดเจอร์พร้อมกัน ผลคือในการรุกครั้งต่อไป ลูกบลัดเจอร์จะโจมตีอย่างดุเดือดรุนแรงมากขึ้นไปอีก

ดับเบิ้ล เอต ลูป (Double Eight Loop)
เป็นท่าป้องกันของคีปเปอร์ ปกติมักใช้ป้องกันการโยนลูกโทษ คีปเปอร์จะบินเลี้ยวโค้งเป็นรูปเลขแปดไปรอบๆห่วงประตูทั้งสาม ห่วงด้วยความเร็วสูงเพื่อคอยกันลูกควิฟเฟิล

ฮอกส์เฮด อะแทกกิ้ง ฟอร์เมชั่น (Hawkshead Attacking Formation)
เชสเซอร์มารวมตัวกันทำเป็นรูปหัวลูกศร บินไปพร้อมๆกันมุ่งไปที่เสาประตู ท่านี้ข่มขวัญทีมคู่ต่อสู้ได้มาก และมีประสิทธิภาพในการบังคับให้ผู้เล่นอื่นต้องบินหลบไปข้างๆ

พาร์กินส์ พินเชอร์ (Parkin's Pincer)
ตั้งชื่อตามผู้เล่นในทีมวิกทาวน์ วันเดอเรอส์ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนประดิษฐ์ท่านี้ขึ้นมา เชสเซอร์สองคนช่วยกันบินเข้าไปบีบเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามจากด้านซ้ายและขวา ชณะที่เชสเซอร์คนที่สามบินพุ่งตรงเข้าไปหาเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามนั้น

พลัมป์ตัน พาส (Plumpton Pass)
เป็นท่าเลี้ยวโค้งหมุนตัวที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจทำของซีกเกอร์ แต่สามารถคว้าจับลูกสนิชที่ลอยอยู่ที่แขนเสื้อไว้ได้ นับเป็นทีเด็ดอย่างหนึ่ง ตั้งชื่อตามรอดดริก พลัมป์ตัน ซีกเกอร์ของทีมทัดชิล ทอร์เนโดส์ ที่ใช้ท่านี้ในการจับลูกสนิชที่โด่งดังเป็นประวัติการณ์ในค.ศ.1921 แม้ว่านักวิจารณ์หลายคนจะกล่าวหาว่าที่เขาทำได้นั้นเป็นเรื่องบังเอิญ แต่พลัมป์ตันยืนกรานจวบจนเขาถึงแก่กรรมว่าเขาตั้งใจทำท่านั้นจับลูกสนิ ชจริงๆ

พอร์สคอฟ พลอย (Porskoff Ploy)
เชสเซอร์ถือลูกควิฟเฟิลบินทะยานขึ้นไปในอากาศ ล่อให้เชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามเชื่อว่าเขาหรือเธอกำลังพยายามบินหนีไปทำคะแนน แต่แล้วก็โยนควัฟเฟิลลงมาข้างล่างให้เชสเซอร์ทีมเดียวกันที่คอยรับอยู่ เชสเซอร์ทั้งสองต้องกะจังหวะเวลาให้ตรงกันพอดี นี่เป็นหัวใจของท่านี้ ตั้งชื่อของเพ็ตโทรว่า พอร์สคอฟ เชสเซอร์ชาวรัสเซีย

รีเวิร์ส พาส (Reverse Pass)
เชสเซอร์โยนลูกควิฟเฟิลข้ามไหล่ของตนไปให้ผู้เล่นทีมเดียวกันอีกคน การโยนให้ได้แม่นยำนั้นทำได้ยากมาก

สล็อท กริป โรลล์ (Sloth Grip Roll)
ห้อยกลับหัวจากไม้กวาด ยึดไม้กวาดไว้แน่นด้วยมือและเท้าสองข้างเพื่อหลบหลีกลูกบลัดเจอร์

สตาร์ฟิชแอนด์สติ๊ก (Starfish and Stick)
เป็นท่าป้องกันของคีปเปอร์ โดยคีปเปอร์ถือไม้กวาดในแนวนอน ใช้มือและเท้าข้างหนึ่งเกี่ยวจับด้ามไม้กวาดแน่น ในขณะที่กางแขนและขาอีกข้างออกไปตรงๆ (ดูรูป ช.) ท่าปลาดาวแต่ไม่มีไม้นั้นไม่ควรลองทำอย่างยิ่ง

ทรานซิลเวเนียน แท็กเคิล (Transylvianian Tackle)
เป็นท่าต่อยหลอกๆเล็งไปที่จมูก ไม่ถือว่าผิดกติกาจนกว่าจะสัมผัสกันจริงๆ แต่ก็หยุดได้ยากมากเมื่อทั้งสองฝ่ายอยู่บนไม้กวาดที่มีความเร็วสูง ปรากฎครั้งแรกในควิดดิชเวิลด์คัพ ค.ศ.1473

วูลลองกอง ชิมมี่ (Woollongong Shimmy)
เป็นท่าที่ทีมวูลลองกอง วอร์ริเออส์ จากออกเตรเลียทำได้สมบูรณ์แบบมาก นี่เป็นท่าบินซิกแซ็กด้วยความเร็วสูง เพื่อสลัดเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ติดตามได้

รอนสกี้ เฟนต์ (Wronski Feint)
ซีกเกอร์บินข้างสิ่งกีดขวางไปที่พื้นสนาม ทำเป็นว่าเห็นลูกสนิชอยู่ไกลๆข้างล่าง แล้วเชิดหัวไม้กวาดขึ้นก่อนจะดิ่งลงไปกระแทกพื้น ท่านี้ตั้งใจหลอกให้ซีกเกอร์อีกฝ่ายทำตามจนดิ่งไปกระแทกพื้น ตั้งชื่อว่าโจเซฟ รอนสกี้ ซีกเกอร์ชาวโปแลนด์



ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าควิดดิช ได้เปลี่ยนไปมาก จากที่เคยได้รู้เมื่อครั้งที่เกอร์ตี้ ค็ดเดิลเห็น 'พวกกะโหลกทึบ' เล่นกันที่หนองน้ำเควียดิช บางทีถ้าเกอร์ตี้มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน เธอเองก็อาจจะตื่นเต้นเร้าใจไปกับบทกวีและพลังของเกมควิดดิชเหมือนกัน ขอให้กีฬานี้จงพัฒนาก้าวหน้าต่อไปอีกนานเท่านาน และ ขอให้พ่อมดแม่มดรุ่นต่อไปในอนาคตได้สนุกนานเพลิดเพลินกับกีฬาที่วิเศษที่สุด นี้ชั่วกาลนาน