จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

harry potter กับ โจ" โรว์ลิ่ง

โจแอนน์ "โจ" โรว์ลิ่ง (Joanne "Jo" Rowling, OBE) หรือที่รู้จักในนามปากกา เจ. เค. โรว์ลิ่ง (เกิด 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2508) ผู้แต่งวรรณกรรมเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ มีทรัพย์สินร่วม 2,000 ล้านบาท ขึ้นทำเนียบบุคคลรวยที่สุดอันดับ 122 ของอังกฤษ
เธอเกิดมาในครอบครัวของนักอ่าน บิดามารดาสะสมหนังสือไว้มากมาย ปีเตอร์ พ่อของเธอเป็นวิศวกร ในขณะที่ แอนด์ แม่ของเธอเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-สกอตต์ ทำหน้าที่แม่บ้านดูแลเธอ และ ได น้องสาว โจเขียนหนังสือเรื่องแรกของเธอมีชื่อว่า Rabbit เมื่ออายุเพียงห้าขวบ และพ่อแม่ของเธอก็กระตือรือร้นในการปลูกฝังจินตนาการของลูกสาวคนโต เมื่อโจอายุได้ 14 แม่ของเธอก็ป่วยเป็นโรคเส้นโลหิตตีบ
เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษา เจ.เค.โรว์ลิ่งเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีทางด้านภาษาฝรั่งเศสและวรรณกรรมคลาสิกที่มหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ แต่ หลังจากเรียนจบแล้วเธอมุ่งหน้าไปสู่ลอนดอน และได้งานเป็นเลขานุการองค์การนิรโทษกรรมระหว่างประเทศ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้ถือกำเนิดขึ้น ในปี 1990 ขณะที่เธออยู่บนรถไฟระหว่างสถานีแมนเชสเตอร์ และคิงส์ครอสในลอนดอน โจแอนก็แว่บความคิดเกี่ยวกับเด็กกำพร้าผู้ค้นพบว่าเขาคือพ่อมด เธอรีบตรงกลับบ้านและบันทึกความคิดนี้ลงบนกระดาษทันที และนี่คือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในหกปีต่อมา ต่อมาเจ.เค.ย้ายไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ประเทศโปรตุเกส ณ ที่นั้นเธอได้แต่งงานกับนักหนังสือพิมพ์ชาวโปรตุเกสและมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อเจสสิก้า ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกทางกันและเจ.เค.ก็ย้ายไปอยู่สกอตแลนด์พร้อมกับเจสสิก้า ลูกสาว
ระหว่างที่เธอกลายเป็นคนว่างงานและเลี้ยงชีพด้วยเงินช่วยเหลือของรัฐบาลนี้ เจ.เค.ใช้เวลาว่างเขียนนวนิยายเกี่ยวกับเด็กชายพ่อมดที่เริ่มไว้จนจบ เจ.เค.โรวลิ่ง เคยให้สัมภาษณ์ว่าเธอเลี้ยงลูกสาวตามลำพังด้วยเช็คสังคมสงเคราะห์มูลค่า 70 ปอนด์ต่ออาทิตย์ อาศัยอยู่ในแฟลตโลโซ (หนูชุม) ค่าเช่าอาทิตย์ละ 230 ปอนด์ ซึ่งทำให้เธอต้องพาลูกมาเลี้ยงอยู่ที่ร้านกาแฟของ น้องเขยทุกวัน พลางเขียนนิยายที่กลายเป็นหนังสือเบส์เซลเล่อร์ทั่วโลก และหลังจากถูกปฏิเสธจากหลายสำนักพิมพ์ ในที่สุดเจ.เค.ก็ขายลิขสิทธิ์เรื่องนี้ได้โดยได้รับเงินราว 4,000 ดอลลาร์
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ผลงานชิ้นแรกของเธอได้โอกาสตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1997 ด้วยยอดพิมพ์ต่ำกว่า 1,000 ฉบับ โดยเจ้าของสำนักพิมพ์แนะนำให้เธอใช้ตัว เจ. ที่เป็นตัวย่อชื่อหน้าของเธอเป็นนามปากกาดีกว่าใช้ชื่อจริงของเธอว่า โจแอนน์ เนื่องจากนักอ่านเด็กผู้ชายอาจจะไม่ชอบที่รู้ว่าเป็นงานที่ผู้หญิงเขียน โดยตัวย่อชื่อกลางอย่างตัว เค. นั้นเธอยืมมาจากเคธลีน ซึ่งเป็นชื่อของย่าเธอนั่นเอง
หลังจากที่ผลงานเล่มแรกของเธอเปลี่ยนหัวให้เป็น แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์สำหรับการจัดจำหน่ายในสหรัฐฯเมื่อปี 1998 ทั้งโลกก็ได้รู้จักกับปรากฏการณ์แฮร์รีฟีเวอร์ทันที
หลังจากผลิตผลงานมาทุกปีตั้งแต่ปี 1997 ถึงปี 2000 เธอก็หยุดพัก ซึ่งเป็นระยะห่างของเวลาถึง 3 ปีระหว่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี ผลงานเล่มที่ 4 และ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ ผลงานเล่มที่ 5 ที่ออกสู่สายตาแฟนหนังสือเมื่อปี 2003 ซึ่งช่วงที่เว้นว่างนั้นเอง เธอได้แต่งงานอีกครั้งกับ นิล เมอร์เรย์ นายแพทย์ชาวสก็อตต์ ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันในบ้านที่เอดินเบรอะ ร่วมกับลูกๆ ทั้ง 2 คนของพวกเขาทั้ง เดวิด วัย 4 ขวบ และ แม็คเคนซี วัย 2 ขวบ รวมทั้ง เจสซิกา ลูกสาวที่เกิดจากอดีตสามีนักข่าวชาวโปรตุเกส
ในที่สุดปี2005 ผลงานภาคที่6ของเธอ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสมออกวาง จำหน่าย โดยในวันแรกสามารถขายได้มากถึง 850,000เล่ม โดยหลังจากนั้นสามารถขายได้ถึง 65 ล้านเล่ม และในเล่มนี้ โรว์ลิ่งยังทิ้งปมปริศนาไว้มากมายและเธอพร้อมแล้วที่เธอจะเขียนเล่มที่ 7 เล่มสุดท้ายของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์
ปลายปี2006เธอได้ประกาศชื่อตอนของเล่มที่ 7 ซึ่งชื่อนั้นก็คือ Harry Potter and the Deathly Hallowsซึ่งได่มีการคาดการต่างๆถึงเหตุการณ์ในเรื่องชื่อตอน ความหมายของเชื่อตอน ในประเทศไทยเองก็ได้มีการแต่งเรื่องของเล่ม 7 ขึ้นมาจากการคาดเดา และคาดเดาชื่อและแปลชื่ออกมาคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเสียงเพรียกแห่งความตาย ซึ่งเป็นการแปลที่ผิด เพราะคำว่า Hallows ไม่ได้หมายถึงเสียงร้องหรือเสียงเรียกอย่างเดียวแต่ยังหมายถึงการทำให้ ศักสิทธิ์หรือศักสิทธิ์
ในกลางปี 2007 ราวเดือนกรกฎาคม แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาค7 วางจำหน่าย เฉพาะวันแรกที่วางจำหน่ายแล้วสามารถขายได้ถึง 1.2 ล้านเล่ม เฉพาะที่อังกฤษเท่านั้น ไม่ถึงอาทิตย์ขายไปได้ถึง 44 ล้านเล่ม ในไม่กี่วัน ลบล้างสถิติของภาคที่ 6 ไปอย่างถล่มทลาย และชื่อภาษาไทยคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต
ปี 2008 หลังจากหนังสือเล่มสุดท้ายของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่มีชื่อว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูตวางแผงและออกจำหน่าย ซึ่งในเนื้อหาของเล่มที่7นี้ได้จบเรื่องราวของพ่อมดแฮร์รี่ พอตเตอร์ลง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีกระแสเรียกร้องให้ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ผู้เขียน เขียนหนังสือชุดนี้ในเล่มที่ 8 เธอออกมากล่าวว่า เธอไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มีหนังสือเล่มที่ 8 แต่ตอนนี้เธอยังไม่ได้เขียน ซึ่งถ้าเธอจะเขียนอาจจะหลังจากนี้อีกซะสิบปีแล้วค่อยว่ากันอีกที่
แต่เธอก็ได้ประกาศว่าเธอได้เขียนหนังสือนิยายเล่มใหม่ของเธอ พร้อมกับบอกว่าเธอได้เขียนหนังสือสารานุกรมเกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ซึ่งมีเรื่องต่างๆเกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เธอไม่ได้เขียนลงในหนังสือ เธอจะนำมาบอกเล่าให้ผู้อ่านได้อ่านกันในหนังสือสารานุกรมนี้แต่เธอพูดว่าคง ต้องใช้เวลาอีกหน่อย หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนสำนักพิมพ์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ตีพิมพ์หนังสือสารานุกรมไปก่อนหน้าที่เจ. เค. โรว์ลิ่งจะได้เขียน จึงได้เกิดการฟ้องร้องต่อศาลที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอได้ฟ้องร้องสำนักพิมพ์ที่นำสารานุกรมไปจำหน่ายโดยไม่ขอเธอ และชนะการฟ้องครั้งนั้นในที่สุด
หลังจากการฟ้องร้องจบลงเธอได้เขียนนิทานที่เขียนด้วยลายมือของเธอเอง ในชื่อภาษาอังกฤษว่า The Tales of Beedle The Bard หรือในชื่อภาษาไทยที่ชื่อว่า เดอะ บีเดิล ยอดกวี ซึ่งนิทานเล่มนี้ได้มีปรากฏอยู่ในเล่มที่ 7 ซึ่งเธอเขียนขึ้นมาเจ็ดเล่มในโลกเท่านั้น และได้นำหกเล่มไปบริจาคให้กับบุคคลที่ได้ทำใหเธอประสบความสำเร็จ อีกหนึ่งเล่มนำไปประมูล ในราคาหลายล้านปอนด์ แต่ก็ได้มีเด็กสาวชาวออสเตรเลียคนหนึ่งซึ่งได้แต่งคำกลอนประกวดและชนะเลิศ โดยเธอได้อ่านเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามสำนักพิมพ์ของอังกฤษก็ได้เตรียมการตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้และ ในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เป็นการวางแผงและจำหน่ายหนังสือเล่มนี้อีกด้วย ส่วนในประเทศไทยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าจะตีพิมพ์หนังสือ เล่มนี้หรือไม่ ซึ่งเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ แฮร์รี่ก็ร้องเรียนและเฝ้าถามบริษัทนานมีบุ๊คส์แทบทุกวัน ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาอื่นถึง 23 ภาษาไปแล้ว ได้แก่ ภาษาอังกฤษและอเมริกาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ดัตช์ อิตาลี เกาหลี โปแลนด์ สโลวาเกีย จีนไต้หวัน เช็ก โปรตุเกสบราซิล เดนมาร์ก โปรตุเกส นอร์เวย์ รัสเซีย ฮิบรู สเปน ฮังการี กรีก สเปน จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และฟินแลนด์ แต่แฟนๆ หนังสือที่ทนรอไม่ได้ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวว่าให้ตีพิมพ์หรือไม่ก็บอกว่า จะถูกสำนักพิมพ์อื่นซื้อลิขสิทธิ์และออกจำหน่ายแทนนานมีบุ๊คส์ แต่ทางนานมีบุ๊คก็บอกว่าจะต้องรออีกหน่อยเพราะกำลังประชุมเรื่องนี้อยู่
แต่หลังจากเจ. เค. โรว์ลิ่งได้เขียนหนังสือนิทานเล่มนี้แล้วนั้นเธอก็ได้เขียนเรื่องราวสั้นๆ จำนวน 800 คำ ลงในกระดาษที่เป็นเรื่องราวของเจมส์ พอตเตอร์กับ ซีเรียส แบล็ก ปะทะกับตำรวจมักเกิ้ลธรรมดา เป็นเรื่องราวก่อนแฮร์รี่จะเกิด 3 ปี